3 ข้อต้องเช็ค ไม่อยากเผาเงิน ค่าโฆษณาเฟสบุ๊คฟรีๆ ต้องระวังสิ่งนี้! (เจ็บมาแล้ว เลยมาบอก)
3 ข้อต้องเช็ค ไม่อยากเผาเงิน ค่าโฆษณาเฟสบุ๊คฟรีๆ ต้องระวังสิ่งนี้!
(เจ็บมาแล้ว เลยมาบอก)
3 ข้อต้องเช็ค ไม่อยากเผาเงิน
ค่าโฆษณาเฟสบุ๊คฟรีๆ ต้องระวังสิ่งนี้!
(เจ็บมาแล้ว เลยมาบอก)
การทำโฆษณาเฟสบุ๊ค สำหรับมือใหม่
สิ่งที่หลายคนกลัว ก็คือ เรื่องค่าใช้จ่าย
กลัวไปหมด ว่า ถ้าเริ่มยิงแอดไปแล้ว
จะโดนหักเงินไปแล้วมั้ย
ผมเองก็เป็นครับ
จำได้เลยว่า ครั้งแรกของการทำโฆษณาเฟสบุ๊ค
ผมทำให้กับบริษัทเก่า
มือไม้สั่นไปหมด ผิดพลาดไปนี่
ความบรรลัยมันเกิดขึ้นกับตัวเราแน่นอน
ต้องเอาเงินไปคืนบริษัทแหงๆ
ก็เลยต้องระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ
โชคดี ที่เราค่อยๆ ทำโฆษณา
ใช้เงินแบบพอดีๆ พอเริ่มรู้มากขึ้น คราวนี้จะหลักหมื่น หลักแสน ก็สบายๆ
แต่แม้จะผ่านการทำโฆษณามามากมายแค่ไหน
ถ้าเราประมาท หรือ ดูไม่ดี
ก็มีวันพลาดได้ ดังนั้น เลยขอนำประสบการณ์ มาเล่าสู่กันฟัง ในบทความนี้ครับ
3 ข้อต้องเช็ค ไม่อยากเผาเงิน
ค่าโฆษณาเฟสบุ๊คฟรีๆ ต้องระวังสิ่งนี้!
(เจ็บมาแล้ว เลยมาบอก)
1.ดูวัตถุประสงค์ ให้ถูกต้อง
หน้าแรก ของการเริ่มทำโฆษณา มันคือ วัตถุประสงค์ นั่นเอง
หน้านี้ เลือกให้ดีๆ นะครับ ว่าคุณต้องการอะไรกันแน่
บางคนอยากให้เกิดการทัก แต่ดันไปเลือก การเข้าถึง
ก็ได้แต่สงสัยว่า ทำไมคนไม่ทักมาสักที
หรืออยากให้คนดู video เยอะๆ แต่ก็ไปเลือก Engagement แทน
ยอด view ก็ขึ้นน้อยกว่าที่เป็น
ดังนั้น ควรหยุดนิ่ง แล้วพิจารณาดีๆ ว่าเราเลือก วัตถุประสงค์ ถูกต้องมั้ย
ก่อนไปสู่กระบวนการต่อไป
2.เลข 0 ใครว่าไม่สำคัญ
เลขศูนย์ ใครๆ ก็มองว่าไร้ค่า
ยกเว้นว่า มันมาเรียงกัน อยู่หลังตัวเลข ในช่องงบประมาณ
เรื่องการใส่เงินทำโฆษณาเฟสบุ๊ค ก็เป็นอีกเรื่องที่พลาดกันบ่อย
เพราะ เราสามารถเลือกได้ว่า จะทำเป็นแบบ งบประมาณรายวัน หรือ ตลอดช่วงเวลาการทำโฆษณา
หลายครั้งที่เราอาจจะใส่ตัวเลขเพลินๆ แล้วเติมเลขศูนย์ เกินไป 1-2 ตัว
เช่นงบประมาณ วันละ 300 บาท แต่ใส่เป็น 30,000 บาท
ไม่ทันดู โฆษณาวิ่ง เออ ทำไมวันนี้ มันวิ่งดีจัง
หารู้ไม่ว่า เงินโดนกินไปแล้ว มากกว่า 300 บาท
พลาดแบบนี้ มันน่าเจ็บใจตัวเองครับ
ดังนั้น ต้องระวังการใส่เลข 0 ในช่องงบประมาณครับ
3.กำหนดวันเวลาเริ่มต้นสิ้นสุด
เคยคุยกับน้องคนนึง ขายของออนไลน์
ขายดีมาก จนของหมด
แต่ดันลืมกำหนด วันสุดท้าย ของการโฆษณา
ไปใส่งบประมาณโฆษณาต่อเนื่อง
มารู้อีกที ในวันที่บัตรเครดิตแจ้งเตือนตัดเงิน
อ้าว เงินค่าเฟสบุ๊คแอดนี่หว่า!!
ตกใจ รีบมาปิดโฆษณาแทบไม่ทัน
ดังนั้น ในหน้างบประมาณ ให้เราพิจารณา และตรวจหลายๆรอบว่า
งบประมาณทั้งหมด ของโฆษณาเรานั้น อยู่ภายใต้งบ ที่เราควบคุมอยู่
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
ไม่รู้จะขายอะไรดีในออนไลน์ ให้ทำแบบนี้
ไม่รู้จะขายอะไรดีในออนไลน์
ให้ทำแบบนี้
1 คำถามที่มักเจอเสมอก็คือ
ขายอะไรดีในออนไลน์
.
อาจจะมีหลายคำตอบ หลายแบบที่คุณเจอ
บางครั้ง อาจจะเป็นเรื่องของสินค้าขายดี ยอดนิยม แดงเดือด ก็ไม่ผิด
บางครั้ง อาจจะเป็นสินค้าที่ยังไม่มีคนขายเลย แล้วมีความต้องการสูง ก็ไม่ผิดครับ
.
ผมเลยอยากแชร์ อีกแนวคิดหนึ่ง
เพื่อเอาไปประยุกต์ใช้กันครับ
(ได้แนวคิดการจากอ่าน การเรียนรู้ และ ลองทำจริง
เลยอยากให้ลองนำไปทำกันดูครับ)
.
แนวคิดนี้ ให้มอง ที่ปัญหา ของคนแทนก่อนนะครับ
.
นั่นคือ ให้ดูจากสิ่งที่เราชอบ เราถนัด
และเป็นสิ่งที่แก้ปัญหาให้คนอื่นๆ ได้
.
ถ้าเราเริ่มจากตรงนี้ เราจะคิดต่อได้
เช่น คนเราอยากน้ำหนักตัวลดลง ทำยังไงได้บ้าง
- ออกไปวิ่งมาราธอน
- ออกไปฟิตเนส
- กระโดดเชือก
- กินอาหารคลีน
- กินผลิตภัณฑ์…
- ดูดไขมัน
- ผ่าตัดกระเพาะ
- เข้าคอร์ส กินอาหารแบบสุขภาพดี
เห็นมั้ยครับ ทางเลือกมีมากมาย
ถ้าคิดเรื่องสินค้า บางครั้ง เราอาจจะตัน
แต่ถ้าเริ่มจากปัญหา ทางแก้ไขมันเยอะ
แล้วทางเลือก จะมีมากขึ้นกว่าเดิม
ทางไหนที่เราชอบ หรือ แฮปปี้ จะเดินไป
มันจะทำให้เราอิน และ หลงรักกับการแก้ปัญหานั้น
พอเราหลงรัก และ ชอบวิธีการแก้ปัญหา
เวลามีใครมาขอความช่วยเหลือ หรือ ถามเกี่ยวกับเรื่องนี้
วิธีการพูดของเรา มันจะคล่องแคล่ว ตอบได้ทั้งวัน เป็นฉากๆ
มีความน่าเชื่อถือ
ซึ่งจะนำไปสู่การตัดสินใจซื้อ สินค้า หรือบริการจากคุณได้
ดีกว่าเดิมมั้ยครับ แนวคิดนี้?
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
4 เทคนิค ตั้งราคายังไง ให้คนควักตังค์จ่ายเร็วๆ
4 เทคนิค ตั้งราคายังไง ให้คนควักตังค์จ่ายเร็วๆ
การทำการตลาดออนไลน์
นอกจากจะ ทำ content / สินค้าดี
ราคาของสินค้า ก็เป็นอีก 1 ปัจจัย
ที่ทำให้ลูกค้า ตัดสินใจได้เร็วขึ้น หรือ ช้าลง
หรือไม่ซื้อเลย
วันนี้ ขอมาแชร์ แนวคิดการตั้งราคา
จากประสบการณ์จริง
เพื่อให้ทุกคนได้ลองไปใช้กันครับ..
(จริงๆ มีมากกว่านี้ แต่ตอนนี้ เอาเท่านี้ก่อน 😉
1.ลงท้ายด้วยเลข 9
ราคายอดนิยม มหาชน มันมีที่มา
แม้จะดูตลก ว่าทำไม ลดแค่ 1 บาท ก็ขายกันได้แล้ว
แต่ 1 บาทนี่แหละ ที่ทำให้คนรู้สึกว่า มันถูก
เช่น 200 บาท เหลือ 199
ตัวเลขข้างหน้า ที่เป็นเลขหนึ่ง มันดูเย้ายวนใจจริงๆ 100 กว่าๆ นี่เอง
ซื้อเลย
2.ขายเป็น set แล้วทำให้ดูว่าซื้อเยอะคุ้มกว่า
ถ้าสินค้าของคุณ ราคาไม่เยอะมาก บางครั้ง การลองเสนอขายเป็น set
นอกจากจะทำให้เราคุ้มค่าแอดมากขึ้น
บางครั้งก็ทำให้ลูกค้า รู้สึกว่า คุ้มค่ากว่า ยกตัวอย่างเช่น
ซื้อ 1 ชิ้น ราคา 490
ซื้อ 2 ชิ้น ราคา 900
อาจจะกำไรน้อยลง แต่ขายได้มากขึ้นในครั้งเดียว
ต้นทุนยิงแอด ถือว่าคุ้มค่าครับ
ปล. ผมเคยใช้ประโยคชวนซื้อง่ายๆ ว่า
“ส่วนใหญ่ คนซื้อไปกินกัน 4 ชิ้น”
แล้วลูกค้า ก็จะลองซื้อ 4 ชิ้นเหมือนกัน
ตามประโยคที่เรากล่าว
แต่ควรเป็นจำนวนที่ไม่มากไม่น้อยเกินไปนะครับ
3.ตั้งราคา ที่ทำให้รู้สึกว่า มีหนึ่งตัวเลือกที่คุ้มค่า
ถ้าเราเคยไปโรงหนัง แล้ว ซื้อ Popcorn กิน
จะเห็นว่า ราคาแพคเล็กสุด มันดูเล็กจัง ไม่ค่อยคุ้ม / ขนาดกลาง ก็กลางๆดี ดูคุ้ม / แต่ขนาดใหญ่สุดนี่ ดูแพงไปหน่อย กลัวกินไม่หมด
เราเลยตัดสินใจ ซื้อขนาดกลาง เพราะดูแล้วว่ามันดูคุ้มดี
ลองคิดกลับกันนะครับ
ถ้ามี popcorn แค่ไซส์เดียว
โอกาสการขาย ก็จะเหลือแค่ ซื้อ หรือ ไม่ซื้อ
แต่ถ้าเรามี ตัวเลือกแบบนี้ ยังไง ก็ขายได้ จะใหญ่ กลางเล็ก ก็ถือว่าขายได้
และถ้าวางราคากลาง ให้เหมาะสม
นี่คือ ราคาสินค้าที่เราจะขายได้บ่อยที่สุดล่ะครับ
4.รวมค่าส่งไปเลย
ถ้าขายของออนไลน์
ตอนนี้ ฟังจากหลายเสียงของ หลายประสบการณ์ ของคนที่ขายของด้วยกัน
พบว่า
ถ้ารวมค่าส่งไปกับสินค้าเลย
จะทำให้คนตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เวลาซื้อของ
เพราะรู้สึกว่า ไม่มีค่าส่งนินา
รู้สึกคุ้มเลย
แต่ถ้าแยกค่าส่ง ออกมา
บางครั้ง จะมีคำถามประเภทที่ว่า ทำไมต้องมีค่าส่งคะ?
หรือบางครั้ง มาเร็วๆ ก็ให้รวมราคาส่งไปเลย
จะได้ไม่ต้องคิดเยอะ
หากเป็นไปได้ ถ้านำเสนอราคาในครั้งต่อไป
ถ้ารวมค่าส่งแล้ว คุ้มค่า ได้กำไร ก็รวมไปเลยนะครับ
ลูกค้าจะได้ไม่ต้องคิดเยอะ
สั่งเลย
เสริม
หากสินค้าเราสามารถ ทำให้เก็บเงินปลายทางได้ โอกาสการขายจะง่ายมากขึ้น
ไม่ใช่ ว่า ลูกค้าโอนเงินไม่เป็นนะ
แต่ถ้าซื้อของครั้งแรก ความน่าเชื่อถือ ของเราในสายตาลูกค้า
จะยังต่ำเสมอ
ถ้าโอนเงิน แล้วไม่ได้ของ จะเรียกร้องจากใคร
อันนี้ล่ะครับ คือ ปัจจัยสำคัญ ที่อยากให้คิด สำหรับการซื้อขายของคนไทย
แต่การเก็บปลายทาง ก็จะมีค่าธรรมเนียม จากค่าสินค้าด้วย
ดังนั้น คำนวณให้ดีๆ ด้วยนะครับ
สรุป
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
6 เทคนิคลับ สร้าง”อับดุล” ให้ Content โฆษณา เน้นหยุดสายตา ด้วย กลุ่มเป้าหมายใน Facebook รู้แล้ว เอาไปทำได้เลย!!
6 เทคนิคลับ สร้าง”อับดุล” ให้ Content โฆษณา
เน้นหยุดสายตา ด้วย กลุ่มเป้าหมายใน Facebook
รู้แล้ว เอาไปทำได้เลย!!
.
ทุกวันนี้ บนเฟสบุ๊ค
มีเนื้อหามากมาย ให้อ่านมากมาย
แต่ละโพสต์ที่ได้รับความสนใจ ต้องสร้างแรงดึงดูดให้เข้าไปดูแบบสุดๆ
.
ต้องน่าสนใจจริงๆ
เกี่ยวกับรื่องที่เขาสนใจจริงๆ
เท่านั้น
คนถึงจะกดเข้าไปอ่าน
.
ยิ่งเป็นโพสต์ขายของ
โพสต์โฆษณา
ยิ่งต้องคิดเยอะๆ ว่า จะทำยังไง ให้คนมาซื้อ!
.
นอกจาก ภาพที่กระแทกตา
คำพูดโดนใจ ไปถึงปัญหาของคนอ่าน
.
จะดีกว่ามั้ย หากเนื้อหา ของโพสต์นั้น
เป็นเสมือน อัลดุล ที่รู้ไปหมด
ชายรู้จัก หญิงรู้จัก
.
สามารถบอกได้ว่า คนที่กำลังอ่านนั้น
เป็นชาย เป็นหญิง อายุเท่าไร
ใช้มือถืออะไร?
.
โอ ดูแล้ว มันหยุดสายตาจริงๆนะ
เพราะ เหมือนกับโดนเวทมนต์ออนไลน์ ร่ายคาถาใส่อยู่
แต่จริงๆ เคล็ดลับนี้ คุณเองก็ทำได้!
.
โดยใช้ การระบุ กลุ่มเป้าหมายใน Facebook นั่นเอง
ส่วนจะมีอะไรบ้าง มาดูกันลยครับ
.
1.อายุ
อันนี้ เป็นกลุ่มเป้าหมายมาตรฐานมาก ถือว่าเป็นขั้นเริ่มต้น
ในการทำโฆษณา
ถ้าโฆษณา ที่คุณเห็นมันบ่งบอกอายุ ของคนอ่านได้
อย่างน้อยๆ เขาก็จะสะดุด แล้วเช่น
เลือกช่วงกลุ่มเป้าหมาย เป็น 30-40 แล้วเขียน caption ว่า
- โปรพิเศษ สำหรับวัย (30+)
- สินค้าพิเศษ โดนใจ สำหรับชายวัยฉกรรรจ์ (30+)
2.เพศ
อันนี้ เป็นกลุ่มเป้าหมายมาตรฐานมาก ถือว่าเป็นขั้นเริ่มต้น
ในเมื่อเฟสบุ๊ค สามารถระบุกลุ่มเป้าหมายโฆษณา เป็นเพศชายหญิงได้
เราก็ใช้ลูกเล่นนี้ ไว้ใช้สื่อสารกับ คนที่เห็นโฆษณานี้ได้
อย่างน้อยๆ ก็สร้างความสงสัยให้คนดูได้
ยกตัวอย่างเช่น
- สินค้าพิเศษ สำหรับสาวสวยอย่างคุณ
- เกิดมาเพื่อ ชายหล่อล่ำอย่างคุณ
- หล่อเหมือน 20 ปีก่อน น้ำยาละอ่อนที่คุณปรารถนา
3.วันเกิด
ข้อมูลนี้ สามารถนำไปทำการตลาดได้สนุกดีครับ
เพราะ facebook ดูจากวันเกิดของเราได้
และมักจะเตือนเราเสมอ เวลามีใครเกิดในเดือนนี้ หรือ วันนี้
เคยเจอมั้ย
เราสามารถเลือกได้ในแบบ
- คนที่มีวันเกิดในเดือนใดๆ เพื่อทำโปรโมชั่น ประจำราศี
- เพื่อนของคนที่เกิดในเดือนนี้ เพื่อให้เขามาซื้อสินค้าของเราไปฝากเพื่อนได้
- คนที่มีวันเกิดเดือนนี้ เพื่อ Promote โปรโมชั่นวันเกิด
4.สมาร์ทโฟน
ถ้าอยู่ดีๆ คุณสไลด์มือถือไป แล้วมีเคสที่ตรงกับรุ่น ของคุณใช้โผล่ขึ้นมา
ก็ดูน่าสนใจไม่ใช่น้อย
หรือใน content สามารถบอกได้ว่าสมาร์ทโฟนของคุณคือ Android หรือ iOS
ก็จะทำให้คุณสงสัย และหยุดอ่านโฆษณานั้นอีก
- เคส iPhone ที่คุณรอคอยมาถึงแล้ว!
- หน้ากากกันรอย ตระกูล Note มาแล้ว!!
5.Desktop
อีกกลุ่มเป้าหมาย ที่เราเลือกได้ ก็คือ
Device ซึ่ง Facebook มีให้เราเลือกได้สองแบบ คือ Mobile กับ Desktop
ถ้าเราเลือกให้เป็น Desktop อย่างเดียว
การแสดงผลของโฆษณา จะขึ้นที่ Computer อย่างเดียว
คราวนี้ ลองเอาไอเดียนี้ไปใช้ดู เช่น
- computer ที่ใช้อยู่ตอนนี้ แรงพอมั้ย
- มอง Comp นานๆ ตาลาย พักหน่อยมั้ย?
6.การอ่าน content ในหน้าเว็บ
กลุ่มเป้าหมายนี้ จะใช้เทคนิคมากขึ้นสักหน่อย
ไม่สามารถทำได้ทันที เพราะต้องมีการเก็บข้อมูลเพิ่มไปให้
ข้อมูลที่ว่านี้ ก็คือ ข้อมูลพฤติกรรม การเข้าดูเว็บไซต์ของเรา
ต้องติดตั้ง pixel ลงในเว็บของเราด้วย
ซึ่งพฤติกรรมที่น่าสนใจ ก็คือ
- คนเข้ามาในหน้าเว็บ
- อ่านบทความในหน้าเว็บนั้นไปแล้ว กี่ %
- เข้ามาอ่านในนั้นนานกี่วินาที
ถ้าเรารู้แบบนี้ สิ่งที่เราจะทำได้ก็คือ
ผมรู้นะ คุณแอบเข้ามาดู โฆษณาของผม ถ้าสนใจ อย่าดูอย่างเดียว ลองเลย
อ่านมานาน อยากรู้มากกว่านี้ ทักมาได้เลย!
รู้นะว่าแอบอ่านมาสักพัก
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
สิ้นสุดการรอคอย LINE myshop แจ้งเตือน order ผ่านมือถือได้แล้ว
สิ้นสุดการรอคอย LINE myshop แจ้งเตือน order ผ่านมือถือได้แล้ว
หลายคนบ่นว่า ทำไม Myshop
ไม่มีแจ้งเตือนผ่านมือถือบ้าง ต้องมานั่งคอยดูหน้าจอคอมพ์ตลอด
ตอนนี้ ระบบสามารถแจ้งเตือน Order คนซื้อของผ่าน Myshop ได้แล้ว!!!
ทำง่ายๆ เพียงแค่เข้าไปที่ account myshop ของคุณ
- ไปที่ตั้งค่าร้าน แล้วกดไปที่ ตั้งค่าการแจ้งเตือน
- เลื่อนเปิดปุ่มสีเขียว รับการแจ้งเตือนผ่านมือถือ
(เลือกได้ว่า จะให้ใครที่รับ รายการสั่งซื้อใหม่)
ปล.
ข้อความจะเด้งเตือน ต่อเมื่อ ลูกค้าแนบสลิปมา หรือ ตัดบัตรเครดิตแล้วจ้า
แล้วระบบจะขึ้นเตือนมาให้เราเช็คได้เลย แจ่มมากๆ 😉
เอ้าไปทำกันเร็ว!!
มาสั้นๆ แบบเร็วๆ
…
ปล.2
ใครอยากเรียนรู้ การใช้ Myshop
ตอนนี้ มีคอร์ส ไปลงได้เลยจ้า >>https://digitalnook.clicksalepage.com/linemyshop
(ราคา early bird จ้า)
ยิงแอดครั้งต่อไป จะคุ้มค่ามากขึ้น ถ้าคุณทำสิ่งนี้
ยิงแอดครั้งต่อไป จะคุ้มค่ามากขึ้น
ถ้าคุณทำสิ่งนี้
ทุกวันนี้ คนทำธุรกิจออนไลน์
ล้วนแต่ทำโฆษณา หาลูกค้าใหม่ๆ ตลอดเวลา
มียอดขาย มีรายได้เข้ามาเยอะๆ
เป็นสิ่งที่ดีครับ
แต่ถ้าวันใด วันหนึ่ง
โฆษณาโดนปิด บัญชีโดนปิด
รายได้จบทันที
ถ้านี่คือสถานการณ์ที่คุณกำลังเจออยู่
นี่คือความน่ากลัวครับ
จะดีกว่ามั้ย หากเราวางแผนเอาไว้
ให้ดี ก่อนจะยิงแอดครั้งต่อไป
“อย่ายิงแอด เพื่อหาคนใหม่ตลอดเวลา
แต่ให้เก็บฐานลูกค้าเก่าไว้ด้วย”
สิ่งที่ ผมถาม คนขายของออนไลน์เกือบทุกคน
แล้วได้คำตอบมาเหมือนกัน ก็คือ
“ไม่ได้เก็บ เบอร์โทร ที่อยู่ ข้อมูลลูกค้าไว้เลย”
โอ น่าเสียดายครับ
ดังนั้น เลยอยากบอกกับทุกคนที่กำลังขายของออนไลน์
หรือ ขายอยู่แล้ว
ควรเก็บข้อมูลลูกค้าเอาไว้ ให้ดีๆ นะครับ
ทำเป็นระบบ
ถ้ายังไม่อยากลงทุนมาก ก็ใช้ excel หรือ ถ้าจะแชร์ข้อมูลร่วมกันในกลุ่ม ในองค์กร ก็ใช้ google sheet
หรือหากต้องการทำให้เป็นระบบ
ก็จะมี software ที่เข้ามาช่วยจัดการ พวก order เหล่านี้ ได้
นอกจากจะจัดระบบได้แล้วยังสามารถ export ข้อมูลลูกค้ามาได้เป็นระเบียบเรียบร้อย
ไม่ว่าจะเป็น x-commerce / ZORT เป็นต้น
(ใครอยากลองใช้ ก็สามารถไปสมัคร ใช้งานได้ฟรี ครับ 15 วัน)
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
ทำไม ต้องทำ Business Facebook มีไว้ ทำไม? กับคำตอบ 5 เรื่องต้องรู้เกี่ยวกับมัน
ทำไม ต้องทำ Business Facebook มีไว้ ทำไม?
กับคำตอบ 5 เรื่องต้องรู้เกี่ยวกับมัน
เมื่อ 5-6 ปีก่อน คนที่เข้ามาขายของบนเฟสบุ๊ค
สิ่งที่ต้องทำ ก็คือ การเปิดเพจ และ ยิงแอด
ซึ่งใช้บัตรเครดิตของตัวเองในการทำงาน
ถ้าทำกิจการคนเดียว ก็ไม่มีปัญหาอะไร
เพราะเราดำเนินการได้เพียงลำพัง
แต่หากธุรกิจของเรา ใหญ่ขึ้น ต้องมีคนมาช่วยมากขึ้น
ตั้งแต่คนตอบคำถาม ไปกระทั่งคนมาช่วยยิงแอด
เฟสบุ๊คเลยพัฒนาระบบการทำงานร่วมกัน ที่เรียกว่า Business Facebook
ถึงแม้จะเปิดมานานแล้ว
หลายๆ คน ก็ยังไม่เคยใช้ หรือ ยังไม่รู้ว่าจะใช้ไปทำไม
เพราะ facebook profile ก็ ทำงานได้ดีอยู่แล้ว
ดังนั้น ผมเลยขอเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ให้อ่านกันอีกครั้งครับ
เน้นเอาที่ ใช้งานเอง แล้วเห็นข้อดี เลยขอแชร์ครับ
(ปล. ในบทความ จะมีเนื้อหาเชิงเทคนิคพอสมควร หากสงสัยตรงไหน สามารถ comment มาถามได้นะครับ)
1.เพิ่มคนเข้ามาร่วมทำงานใน Business เดียวกันได้
ก่อนหน้าที่จะรู้จัก Business Facebook เราคุ้นเคยกับการทำงานร่วมกันหลายๆ คนในเพจ
ถ้าจะทำโฆษณาในเพจ เราก็ต้องใช้บัตรเครดิตของใครของมัน เข้ามาทำการโฆษณาด้วยตัวเอง
เรียกว่าบัญชีโฆษณา ส่วนตัว
ถ้าสร้างเพจใหม่ ก็จะต้องเชิญใหม่ ทุกครั้งตลอดเวลา
แต่สำหรับ Business Facebook เราสามารถให้คนเข้ามาร่วมใน Business แค่ครั้งแรก แล้วใช้งานเพจร่วมกัน ใช้บัญชีโฆษณาร่วมกัน ได้เลยทันที ไม่ต้องเชิญมาหลายๆ ครั้ง
2.มีบัตรเครดิตใบเดียว ก็ใช้งานร่วมกันได้หลายคน
สมัยก่อน ถ้ายิงแอด Facebook ก็จะใช้บัตรเครดิตส่วนตัวในการยิงแอด
ถ้าใครทำงานบริษัท อาจจะต้องเจอกับปัญหา วันไหน ที่คนยิงแอด ไม่มา งานอาจจะไม่เดิน
เพราะต้อง login เฟสบุ๊คของคนยิงแอด
แก้ปัญหามาได้อีกหน่อย ก็ทำ เฟสบุ๊คส่วนตัว เป็นส่วนกลางของบริษัทเอาไว้ เพื่อเป็นตัวแทนของคนทั้งกลุ่ม แต่ก็ต้องสลับ account ไปมาอยู่ดี
แต่สำหรับ Business ทุกคน ที่เชิญเข้ามาทำงาน
ก็จะสามารถใช้บัตรเครดิตกลาง ของบริษัท ใบเดียวกันได้ เห็นรายงานโฆษณาเหมือนกันได้ โดยไม่ต้องสลับบัญชีไปมา
ลดปัญหา การเบิกค่ายิงแอดซ้ำซ้อน หรือ บางบริษัทคิดมาก ก็จะคิดว่า พนักงานพยายามรูดบัตรเพื่อเอาแต้มในบัตรไปแลกของใช้เองส่วนตัว (เรื่องจริง)
3.มีบัญชีโฆษณา ได้ 5 ตัว
โดยปกติแล้ว การทำบัญชีโฆษณาเฟสบุ๊ค 1 คนจะสร้างได้แค่ 1 ตัวเท่านั้น
แต่ถ้าเป็น Business Facebook เราสามารถ ทำเพิ่มได้มากสุดถึง 5 ตัวด้วยกัน
ทำไมต้องมี 5 ตัว
นั่นเป็นเพราะบัญชีโฆษณาแต่ละตัว ควรได้เรียนรู้ หรือ ทำโฆษณาในธุรกิจแบบเดียวกัน หรือ ประเภทเดียวกัน ไม่ควรแตกต่างกัน
เช่น ธุรกิจอาหาร ก็ควรใช้กับบัญชีโฆษณา ที่เป็นเรื่องอาหารเท่านั้น
ธุรกิจ อาหารเสริม ก็ควรใช้แต่บัญชีโฆษณา ที่เป็นเรื่องอาหารเสริมเท่านั้น
ไม่ควรนำมาปนกัน
4.แชร์ audience ภายใน business เดียวกันได้
เมื่อเรามี บัญชีโฆษณาหลายๆ ตัวใน Business เดียวกัน แล้ว
ข้อดีอีอย่างก็คือ เราสามารถ แชร์ Audience ของแต่ละ บัญชีโฆษณา ให้กันและกัน ไปใช้งานได้
Audience ที่ว่านี้ Custom Audience และ Look A like Audience
ประโยชน์ของการทำแบบนี้ ก็คือ
เวลาจะขยายงบโฆษณา ตัวที่สร้างรายได้ให้กับเราเยอะๆ
เราจะไม่เพิ่มเงินในลง โฆษณาตัวเดิมโดยตรง แต่จะ สร้างใหม่ แล้วให้มันทำงานไปพร้อมกับของเดิม ในบัญชีโฆษณาเดิม หรือ ไปสร้างใหม่ในบัญชีโฆษณาตัวใหม่
5.1 คนสร้างได้แค่ 2 Business
ข้อเท็จจริง อีกอย่างหนึ่ง ก็คือ 1 Facebook Profile สร้าง Business Facebook ได้เพียงคนละ 2 Business เท่านั้น
ทำมากกว่านั้น ไม่ได้ (แม้ใจอยากจะทำ)
ถ้าอยากได้มากกว่านั้น ก็ต้องมี Facebook Profile เอาไว้มากกว่า 1 ตัวละครับ
อยากได้มากเท่าไร ก็คูณ 2 เข้าไป
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
4 เรื่อง ที่คนจ้างยิงแอด 90% มักลืม ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องสำคัญมาก
4 เรื่อง ที่คนจ้างยิงแอด 90% มักลืม
ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องสำคัญมาก
สำหรับคนทำธุรกิจออนไลน์
ส่วนใหญ่ ถ้าไม่มีเวลาได้มานั่งทำโฆษณาด้วยตัวเอง
ก็มักจะจ้างเอเจนซี่ในการยิงแอดให้
ซึ่งส่วนใหญ่ จะดูผลลัพธ์สุดท้าย ปลายทางว่า
ลงเงินไปแล้ว คุ้มค่ามั้ย?
นั่นก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องครับ
แต่มีอีก 4 เรื่องที่ คนจ้างยิงแอดส่วนใหญ่จะลืม เพราะคิดไม่ถึง
หรือไม่คิดว่าจำเป็น
จากประสบการณ์ของผม ที่ได้พูดคุยกับ SME หลายๆ รายที่จ้างคนมาทำโฆษณาเฟสบุ๊ค
ผมขอสรุปให้ฟังดังนี้ครับ
1.Business เฟสบุ๊ค อยู่กับใคร
ปกติ การจ้างทำโฆษณา คุณอาจไม่ได้สนใจว่า เขาจะทำผ่านอะไร แต่ถ้าให้ดี คุณควรจะสร้าง Business ขึ้นมา แล้วอนุญาติ ให้คนที่คุณจ้าง มาเป็น Advertiser
เพราะคุณจะได้เห็นว่า ผลลัพธ์ของการทำโฆษณานั้น เป็นอย่างไร มีการใช้เงินไปเท่าไรแล้ว
Report เหล่านี้ มันจะ Update แทบจะ Real Time แล้ว
ที่สำคัญ คุณจะได้เห็นกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งข้อมูลกลุ่ม Audience ต่างๆ เพื่อใช้งานได้ในอนาคตได้ เป็น asset ของเรา
เพราะหากเราทำโฆษณาผ่าน Business อื่น พอเราเลิกจ้างแล้ว ข้อมูลต่างๆที่เคยมีอยู่
เราก็จะไม่สามารถนำมาวิเคราะห์ได้เลย
ปล.ทั้งนี้ขึ้นกับนโยบายของการทำงานร่วมกันกับคนที่เราจ้างด้วยนะครับ แต่ถ้าให้ดี ควรมี Business ของตัวเอง
2.ใครเป็น Admin Business บ้าง
หาก Business นั้นคุณเป็นเจ้าของ ต้องดูให้ดีๆ ว่า คุณได้รับสิทธิ์ เป็นใคร เป็น admin ที่ดูแลได้ทั้งหมด ใช่หรือไม่
การจะนำคนเข้าออกใน business การเพิ่มเพจ การสร้างบัญชีโฆษณา
คุณต้องมีสิทธ์นั้น
แม้คุณจะใช้เครื่องมือในนั้นเองไม่เป็นเลย!
และหากใครจะเข้ามาใน Business ของคุณ จะต้องมั่นใจแบบสุดๆ แล้วว่า เขาคนนั้นคือคนที่คุณเชื่อใจได้มากที่สุด
ถ้าวันนี้ คุณไม่ได้มีสิทธิ์อะไรเลยใน Business Facebook ของคุณเอง
ก็น่าเป็นห่วงมากๆ เลยนะครับ
3.Report ads เฟสบุ๊ค ควรเห็นอะไรบ้าง
เมื่อจ้างยิงแล้ว สิ่งจำเป็นอีกข้อ ก็คือ การดูรายงานโฆษณาของเฟสบุ๊ค
อาจจะมี รายงานระดับที่ผู้ประกอบการเข้าใจง่ายๆ อันนั้น ก็ถือว่าดีแล้ว
แต่ขอให้มีการวิเคราะห์ให้ฟังหน่อยว่า ตัวไหนดี หรือ ไม่ดี เพราะอะไร
ถ้าไม่ดี ควรทำยังไงให้ดี
ถ้าดี เพราะอะไรถึงดี
และหากการยิงแอดของคุณ คือการยิงเพื่อหวังยอดขาย สิ่งที่ต้องดูมากๆ ไม่ใช่ค่าแอดถูก หรือ ค่าต่อการทักถูกเท่านั้น
ต้องดูว่า Purchase หรือ การซื้อ ในการทักแต่ละครั้งนั้นเป็นเท่าไร
เพราะมันมีความหมายมาก ในการขยายผลตัวโฆษณาที่ดี ให้ดียิ่งขึ้นไปอีก
และถ้าตัวไหนไม่ดี ก็ไม่ต้องทำโฆษณาต่อ
4.กำไรต่อการโฆษณา และการขยายผล
ต่อจากข้อ 3 ถ้าเรารู้ว่า โฆษณาตัวไหนขายดี มีผลลัพธ์การซื้อที่ดี
ให้สังเกตุว่า ดีเพราะอะไร แล้วนำมาเป็นแนวทางการทำโฆษณาต่อไป
และขยายโฆษณาตัวที่ทำงานได้ดี ด้วยการสร้าง campaign ใหม่ที่ใช้ content เดิม แล้วทำออกไปหากลุ่มเป้าหมายอื่นๆ ที่ใกล้เคียง เช่น
อายุ : เจาะจงให้แคบลงมาอีก > เช่น 25-45 อาจจะเป็น 30-34 ก็ได้
พื้นที่ : เจาะจงให้แคบลงไป จากทั่วไทย > ภาค > จังหวัด ก็ได้
สรุป
และทั้งหมดนี้คือ
4 เรื่องที่คนจ้างยิงแอด 90% มักลืม
ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องสำคัญมาก
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
13 วิธี เพิ่มคนใน LINE OA ที่ได้ผลจริง รู้แล้วเอาไปทำได้เลย
13 วิธี เพิ่มคนใน LINE OA ที่ได้ผลจริง รู้แล้วเอาไปทำได้เลย
อีกหนึ่งปัญหาสำหรับหลายๆคนที่ทำธุรกิจออนไลน์แล้วใช้ Line official Account
ปัญหาที่ยิ่งใหญ่กว่าการเขียนคอนเทนต์หรือการยิงข้อความ
นั่นคือ
การเพิ่มคนเข้าไปใน LINE OA อย่างมีประสิทธิภาพนั้นทำอย่างไร
ผมเคยนำเสนอหลายเทคนิคไปแล้ว
แต่วันนี้ผมขอรวบรวมใหม่ อัพเดทขึ้นมาใหม่เพื่อให้ทุกคนได้ใช้งานกัน
ในบทความนี้ครับ
13 วิธี เพิ่มคนใน LINE OA ที่ได้ผลจริง รู้แล้วเอาไปทำได้เลย
1.LINE ส่วนตัว
ผมได้ข้อมูลจากผู้ประกอบการหลายๆคนว่า ทุกวันนี้ยังไม่ได้ใช้ Line OA
แต่ใช้ Line ส่วนตัวของเขาเองในการคุยกับลูกค้าตลอด
และรู้สึกปวดหัวมากกับการไล่ส่งข้อความไปให้ทีละคน
ซึ่งปัญหานี้มันจะหมดไปหากใช้ Line OA ในการยิงข้อความไปที่เดียวแล้วได้ทุกคน
ดังนั้นหากใครมีรายชื่อลูกค้าที่คุยกับเราทางไลน์ส่วนตัว
นี่คือโอกาสดีที่คุณจะเพิ่มลูกค้าของเราเข้าไปใน LINE OA
ส่วนเทคนิคที่จะทำให้คนยอมไปติดตามใน LINE OA ก็คือ
ส่วนลดในการสั่งซื้อครั้งต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการลดเปอร์เซ็นต์หรือให้คูปองเงินสด หรือจะเป็นการส่งฟรี ก็สามารถทำได้ทั้งหมดขึ้นอยู่กับว่าลูกค้าของคุณชอบแบบไหนมากกว่ากัน
ซึ่งแนวคิดของการลดราคานั้นสามารถใช้ได้กับทุกๆธุรกิจ และวิธีเพิ่มคนไปใน LINE OAแบบต่างๆด้วย
2.LINE กลุ่ม
หากคุณเข้าไปอยู่ใน LINE กลุ่ม และมีบริบทที่ทำให้เราสามารถจะโปรโมทสินค้าหรือบริการของเราได้ (ต้องย้ำว่าไม่ใช่การยัดเยียดบริการของเรา แต่ต้องเกิดจากความต้องการที่แท้จริงของคนในกลุ่ม)
เมื่อเกิดความต้องการนี้ขึ้นมา
ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่เราจะนำ LINE OA ของเราไปโปรโมทในกลุ่มนี้ได้
สมัยนี้แหละคนชอบเอาไปโปรโมทใน Open Chat
แต่ตามที่ผมได้สังเกตมา พบว่ามีแต่คนเข้าไปโปรโมท จนกลายเป็นข้อความที่น่ารำคาญแทน
จึงไม่อยากแนะนำให้ใช้การโปรโมทใน LINE Open Chat มากนัก
แต่หากใครทำแล้ว ได้ดี ก็ทำต่อไปนะครับ
3.เบอร์โทร
ในกรณีที่ใช้เบอร์โทรในการส่งให้เพิ่มเพื่อนใน LINE OA นั้น
ต้องมั่นใจว่าเบอร์ที่เราได้มานั้นเป็นเบอร์ที่เขาตั้งใจให้กับเราจริงๆ
ไม่ใช่ว่าส่งไปหา เบอร์คนที่ไม่เคยรู้จักเรามาก่อน
แบบนั้นถือว่าเป็นการเสียมารยาทมากๆ จะส่งผลเสียไปถึงการบล็อก LINE OA ของเราในที่สุด
การส่งไปหาด้วย SMS นั้นควรจะเป็นลูกค้าที่แท้จริงของเรา
และควรมีการเกริ่นให้เขาได้รู้ว่าถ้าเข้ามาติดตามใน LINE OA ของเราแล้วจะได้รับสิทธิพิเศษอะไร
ลูกค้าถึงจะยอมเพิ่มเพื่อนใน LINE OA
4.Email
หลายคนบอกว่าคนไทยไม่ใช้อีเมล์แล้ว
แต่ถ้าธุรกิจของคุณมีการสื่อสารกับลูกค้าด้วย email มาก่อน
ก็ไม่เสียหายอะไรถ้าเราจะใช้ช่องทางนี้ในการเพิ่มคนติดตามไปใน LINE OA
เพราะเป็นลูกค้าเดิมของเรา
อาจจะเป็นการส่งโปรโมชั่นไปให้
หรือง่ายที่สุดก็ติดเอาไว้ใน signature email
เมื่อเราส่งไปหาลูกค้าถ้าเขาต้องการจะติดต่อกับเราผ่านทาง LINE OA ก็จะเกิดการเพิ่มเพื่อนขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
5.เฟสบุ๊ค ส่วนตัว
เนื่องจาก เฟสบุ๊ค ให้ความสำคัญกับโพสต์แบบโปรไฟล์ เฟสบุ๊ค มากเป็นพิเศษ
หากเรามีเพื่อนหรือคนที่ติดตาม
ก็โพสต์แนะนำ LINE OA ของตัวเราเอง ไปได้เลย
6.เฟสบุ๊ค Fanpage
หากคุณมี fanpage อยู่แล้ว นี่คือช่องทางที่จะโปรโมทให้คนมาติดตามใน LINE OA ได้แบบง่ายๆ
เพราะเราสามารถทำการโฆษณาได้
บางคนอาจจะมีคำถามว่าเขาให้โพส link LINE ได้ด้วยหรือ?
ผมเคยสอบถามเจ้าหน้าที่ เฟสบุ๊ค ไปว่าผมสามารถ Post Link ของไลน์ไปในโพสต์ เฟสบุ๊ค ได้หรือเปล่า จะทำให้ลดการมองเห็นหรือไม่?
เจ้าหน้าที่บอกว่า สามารถแปะลิงค์ LINE OA ในโพสต์ได้
ซึ่งผมก็ทำมาหลายครั้งแล้ว ไม่มีปัญหาอะไรนะครับ
7.Website
สำหรับใครที่มีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง
สามารถจะทำปุ่มเพื่อให้คนกดไปติดตามเป็นเพื่อนใน LINE OA
แต่แนะนำว่าให้ปรับข้อความของปุ่มนั้นด้วยตัวเองเสียใหม่
อย่า Copy Code ที่ LINE มีเตรียมไว้ให้โดยตรง
เพราะคนจะไม่เข้าใจคำว่า”เพิ่มเพื่อน”
แต่หากเขาเขียนว่ากดเพื่อติดต่อผ่านทาง LINE หรือขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่
คนจะเข้าใจและกดเข้าไปติดตาม LINE OA ของเรามากกว่า
8.QRcode
สำหรับคนที่มีหน้าร้านของตัวเองเราสามารถ print QR Code ให้ลูกค้าสแกนเพื่อติดตาม LINE OA ของเราได้ คนเหล่านี้มีศักยภาพที่จะมาซื้อสินค้าหรือบริการของเราในภายหลังได้มากที่สุด
และคนที่ไม่มีหน้าร้านเป็นของตัวเองก็สามารถใช้เทคนิคนี้ได้เช่นกัน
เพียงคุณปริ้น QR Code แปะไปกับตัวพัสดุเวลาส่งไปให้ลูกค้า เพื่อให้เขากดเพิ่มเพื่อน
ครั้งต่อไปเวลาสั่งของก็ให้สั่งทางนี้ได้อีกหนึ่งช่องทาง
นี่เป็นวิธีการเพิ่มเพื่อนผ่าน QR Code ที่มีศักยภาพ
9.Youtube
Google เปิด YouTube เป็นช่องทางขี้คนเอาไว้ใช้ในการแก้ปัญหาของตัวเองโดยเฉพาะ นี่คือกลุ่มคนที่ถือว่าเป็น Hot lead มากๆ
เขากำลังมองหาอะไรบางอย่างที่ไปแก้ปัญหาเขาได้
ถ้าคุณมีเนื้อหาใน YouTube ที่คนสนใจดูแล้วหาคนต้องการติดต่อทันที
การแปะลิงค์ LINE OA ใน Content นั้น จะเป็นการเพิ่มคนที่มีศักยภาพมาหาเรา
ที่แนะนำวิธีนี้ เพราะผมใช้แล้วมีคนตามมาเยอะเลย
10.จ้าง influencer blogger
นี่ก็เป็นอีกวิธีนึงที่เราสามารถทำได้ เพราะคนสมัยนี้เชื่อในความคิดเห็นของลูกค้าด้วยกันเอง
หากเราเลือกใช้ influencer ที่ดี คนที่ติดตามพวกเขาก็จะติดตามมาที่สื่อออนไลน์ของเรา
การให้ติดตาม Line OA ของเรา ผ่านบรรดา influencer หรือ Blogger ก็นับว่าเป็นไอเดียที่ดีครับ
และจะดีมากยิ่งขึ้นหากเรามีข้อเสนอที่น่าสนใจ สำหรับคนที่ไม่เคยติดตาม LINE OA ของเรามาก่อน
(ไม่ว่าจะเป็นส่วนลดในการซื้อ หรือแถมฟรีอะไรก็ตาม)
11.บัตรสะสมแต้ม
ถ้าลูกค้าไม่ยอมสแกน QR Code เพื่อเพิ่มเราเป็นเพื่อน
การใช้บัตรสะสมแต้มคือวิธีที่ดูละมุน ละไม
เพราะครั้งแรกที่ลูกค้าจะสะสมแต้มใน LINE OA ของเรานั้น
จะเป็นการกดติดตาม LINE OA ของเราไปโดยอัตโนมัติ
ผมมองว่าเทคนิคนี้น่าสนใจ เพราะคนที่มาสะสมแต้ม คือลูกค้าที่แท้จริงของเรา
นี่คือคนที่มีศักยภาพมากๆ
เรียกว่าได้ทั้งคนติดตามและลูกค้าประจำในอนาคต
12.คูปอง
เทคนิคนี้เป็นเทคนิคที่หาลูกค้าใหม่ที่มีศักยภาพ
แม้ลูกค้าไม่ได้มาใช้บริการที่ร้านของเราแต่หากเราแจกคูปองไป
เขาก็พร้อมที่จะรับมัน
และเมื่อไหร่ที่เขารับคูปองเขาก็จะกลายเป็นผู้ติดตาม Line OA ของเราไปโดยอัตโนมัติเช่นกัน
13.LINE PAY
วิธีนี้ไม่ค่อยมีคนแนะนำกันมากนัก เพราะจะต้องสมัคร line pay เสียก่อน
สมัยนี้ LINE Play ก็สมัครได้ไม่ยาก หากคุณเชื่อมต่อ LINE My Shop เข้ากับ Line OA ( ทำได้ไม่ยากนะ 1 นาทีก็เสร็จแล้ว)
สามารถสมัครได้ฟรีอีกต่างหาก (พิจารณาประมาณ 3-4 วัน)
ลูกค้าที่จ่าย LINE pay กับเรา เมื่อจ่ายเสร็จเรียบร้อยแล้ว
จะมีลิงค์ให้ติดตาม LINE OA ของเราขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
(แต่เราต้องไปตั้งค่าด้วยตัวเองผ่านระบบหลังบ้านของ LINE Pay)
สรุป
และทั้งหมดนี้ ก็คือ
13 วิธี เพิ่มคนใน LINE OA ที่ได้ผลจริง รู้แล้วเอาไปทำได้เลย
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
เฟสบุ๊ค : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
สิ่งที่คนทำการตลาดออนไลน์ 90% ลืมทำ ทั้งๆ ที่ช่วยลดค่าแอดไปได้เยอะมาก!
สิ่งที่คนทำการตลาดออนไลน์ 90% ลืมทำ
ทั้งๆ ที่ช่วยลดค่าแอดไปได้เยอะมาก!
ทุกวันนี้ เวลาใครจะทำออนไลน์
ขายของ หรือ ขายบริการ
ก็จะนึกถึงการทำโฆษณาไว้ก่อน ทั้งยิงแอดเฟสบุ๊ค หรือ จะยิงแอด google
ไม่ใช่เรื่องผิดเลยครับ
ดีมากๆ ที่เราทำการตลาดหาคนใหม่ เพื่อให้รู้จักสินค้าของเรา
แต่สิ่งที่ผิดพลาดไป และไม่ค่อยมีใครมาบอกให้ทำ
ทั้งๆ ที่มันช่วยให้เราลดค่าแอดไปได้เยอะมาก
อยากรู้ว่าคืออะไร
มาอ่านต่อกันเลยครับในบทความนี้
“สิ่งที่คนทำการตลาดออนไลน์ 90% ลืมทำ
ทั้งๆ ที่ช่วยลดค่าแอดไปได้เยอะมาก!”
นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่เลยครับ
แต่เป็นเรื่องที่เรานึกไม่ถึง
โดยเฉพาะคนที่ลงมาทำการตลาดออนไลน์ ในช่วงแรกๆ
ผมเองก็ยอมรับครับ ว่าเป็นมาก่อน
นั่นคือการทำโฆษณา หาลูกค้าใหม่ตลอดเวลา
โดยไม่ได้สนใจลูกค้าเก่า หรือ ฐานแฟนเลย!!
ถ้าคุณกำลังเป็นแบบนี้ ไม่ต้องกังวลครับ
ใครๆ ก็เป็นกัน
ผมเลยอยากให้ทุกคน ปรับวิธีคิดเล็กน้อย เพื่อทำให้ธุรกิจของคุณไปได้ไกลมากกว่าเดิม
นั่นคือ การเก็บรายชื่อลูกค้าครับ
รายชื่อลูกค้า สำคัญอย่างไร?
1.ไม่ต้องปวดหัวเวลา เฟสบุ๊ค เปลี่ยนอัลกอริทึม
ตั้งแต่ยิงแอดมา เราเจอ ความเปลี่ยนแปลงของ เฟสบุ๊ค และ google ไม่รู้กี่ครั้งแล้ว
และทุกครั้งที่ปรับ ค่าโฆษณามักแพงขึ้นเสมอ และจะแพงไปเรื่อยๆ
ถ้าคุณไม่เคยสร้างฐานข้อมูลลูกค้าเก่า
คุณจะหาลูกค้าใหม่แพงขึ้นกว่าเดิม ตลอดเวลา ไปเรื่อยๆ
2.ลูกค้าเก่าซื้อง่ายกว่าลูกค้าใหม่
ลูกค้าเก่า ที่เคยซื้อสินค้าหรือบริการของเราแล้ว
ถ้าสินค้าของเราดี เขาจะกลับมาซื้อกับเราตลอด จนกว่าเขาคิดว่า อิ่มตัวแล้ว พอแล้ว จนหยุดไปเอง
จะเปิดการขายด้วยสินค้าใหม่ ก็ง่ายกว่า เพราะเขามั่นใจ และชอบสินค้าของเราแล้ว
ดังนั้น เมื่อมีของชิ้นใหม่มา ก็มั่นใจว่า ไม่ผิดหวัง
3.รายได้ของธุรกิจมาจากการซื้อซ้ำ
การกลับมาซื้อซ้ำ ของลูกค้าเก่านั้น ทำให้เราไม่ต้องเสียค่าโฆษณาเลย
เขาประทับใจ ชอบใจ ก็มาซื้อตลอด
ดังนั้น ให้รักษาลูกค้าเก่าเอาไว้ เพราะต้นทุนทำการตลาดกับลูกค้าเก่านั้นประหยัดกว่าการหาคนใหม่มาก
แล้วจะเก็บฐานข้อมูลยังไงดี?
ถ้าเป็นสมัยก่อน เราจะจดไว้ในสมุด กันใช่มั้ย?
หรือ ดีขึ้นมาหน่อย ก็เป็น excel file เพื่อนำมาประมวลผลได้
ดีขึ้นมาอีกนิด ก็คือ google sheets เพราะเปิดที่ไหนก็ได้
แต่ถ้าต้องการบริหารให้เป็นระบบ ลองไปเลือกใช้ บริการที่เราสามารถบริหารข้อมูลลูกค้าได้
มีหลายเจ้าเลยครับ ถ้าเห็นชัดๆ ก็มี xcommerce ที่น่าสนใจ ใช้งานไม่ยาก (มีค่าบริการรายเดือน)
หรือเอาง่ายๆ อย่าง myshop ระบบหน้าร้านออนไลน์ ที่ใช้ร่วมกับ LINE OA ก็มีฟีเจอร์ ดึงข้อมูล เบอร์โทร ลูกค้าที่เคยซื้อของกับเรา
ออกมาได้ด้วย (ได้ออกมาเป็น file excel)
และฐานแฟนที่อยู่ใน inbox เฟสบุ๊ค / LINE OA อันนี้ก็สำคัญเช่นกัน
เวลาเราต้องการนำเสนออะไรใหม่ๆ ให้กับเขา ก็สามารถ ทำได้เลย (ตามกฏเกณฑ์ ที่เขาวางเอาไว้)
สรุป
สิ่งที่หลายคน ลืมทำ นั่นคือ การเก็บฐานข้อมูลลูกค้า เพื่อนำไปสร้างการซื้อซ้ำ อยู่ตลอดเวลา
ถ้ามีแนวคิดแบบนี้เกิดขึ้น และไม่ลืมทำ
มันจะช่วยลดค่าโฆษณาของเราลงไปมาก!!
ไม่ต้องกระหน่ำยิงแอดแต่เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป!!
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook