6 ความลับ ที่ซ่อนอยู่ ใน INBOX เฟสบุ๊ค ประหยัดเวลา เพิ่มยอดขาย เอาไปใช้ได้เลย!
6 ความลับ ที่ซ่อนอยู่ ใน INBOX เฟสบุ๊ค
ประหยัดเวลา เพิ่มยอดขาย เอาไปใช้ได้เลย!
เครื่องการมือการตลาดที่หาลูกค้าใหม่ ที่ใช้งานง่ายที่สุด
เข้าใจง่ายสุด
จ่ายเงินง่ายสุด ณ ตอนนี้
ผมก็ยังยกให้เฟสบุ๊ค เป็นอันดับต้นๆ ครับ
เพราะคนไทย ชอบซื้อขายด้วยการแชท
ดังนั้น นอกจากการโพสต์ content แล้ว
การใช้เวลากับการแชท เพื่อตกลงธุรกิจกัน
เป็นหน้าจอเฟสบุ๊คที่เราใช้กันมากที่สุด
ทุกคนใช้งานเป็น กันจนชิน
จนคิดว่า ไม่ต้องรู้อะไรอีกแล้ว
แต่ผมไปหามาให้แล้วครับ ว่าอีกหลายๆ feature ที่ส่วนใหญ่ ยังไม่เคยใช้งานมาก่อนเลย
และทั้งหมดนี้คือ
6 ความลับ ที่ซ่อนอยู่ ใน INBOX เฟสบุ๊ค
ประหยัดเวลา เพิ่มยอดขาย เอาไปใช้ได้เลย!
1.Save reply
นี่คือ feature ประหยัดเวลา แบบสุดๆ ผมเรียกว่า ข้อความตอบกลับด่วนครับ
เพราะเวลาเราคุยกับลูกค้าพร้อมกันเยอะๆ
ถ้าพิมพ์ตามปกติ ก็คงไม่ทัน
จะ copy จาก text file อื่นๆมาใส่
แล้วถ้าเราเปลี่ยนเครื่องไปมา ข้อมูล ไม่ได้ save ไว้ ก็หาไม่ได้อีก
จะดีกว่ามั้ย ถ้าเราเตรียมคำตอบให้คำถามที่มีมาบ่อยๆ
เอาไว้ในนี้ ใครถามอะไรมา ก็ตอบเลย
นี่คือประโยชน์ของ save reply หรือ ข้อความตอบกลับ ด่วนๆ ที่ช่วยประหยัดเวลา การตอบในแชทไปได้เยอะเลยครับ!!
2.Payment
เครื่องหมายสัญลักษณ์ รูปเงินบาท ที่ซ่อนตัวในแถบแชท
นี่คือ เครื่องมือ ที่เราใช้เกี่ยวกับเรื่อง การชำระเงินของลูกค้า มีใช้อยู่สองแบบครับ
2.1. เป็นการ ระบุว่า ลูกค้าโอนเงินมาให้เราแล้ว กี่บาท
มีประโยชน์ ในแง่การประเมินผลว่า เพจเราสร้างรายได้ ไปแล้วเท่าไร
และสามารถนำไป วัดได้อีกว่า โฆษณาตัวไหน ทำรายได้ ได้ดีที่สุดด้วย!! (สำหรับโฆษณาแบบข้อความ)
2.2. สามารถเรียกเก็บเงินจากลูกค้าได้ เราเรียกกันว่า Facebook Payement
ข้อดีคือ ลูกค้าสามารถโอนเงินจากแอพได้เลย ไม่ต้อง กระโดดไปที่ app ธนาคารเพื่อโอนเงินใดๆ เลย
เร็ว สะดวก เจ้าของเพจก็สบายเลยครับ งานนี้
(ผมใช้แล้วนะครับ ให้ลูกค้าจ่ายผ่านบัตรเครดิต อีก 1 วันเงินเลย เสียค่าธรรมเนียม 2.5% แต่ถ้าเป็นการโอนเงิน ไม่เสียค่าธรรมเนียมจ้า)
3.Instagram
ปัญหาของคนที่มี Account Instagram และ Facebook คือการต้องสลับหน้าจอแชทไปมา
แต่ตอนนี้ เราสามารถคุยกับลูกค้าที่ Direct Message มาจาก Instagram ได้เลยทันที ผ่านเพจครับ
ทำให้ประหยัดเวลาไปได้เยอะมาก
สิ่งสำคัญคือ ต้องไป setup account Instagram กับเพจของคุณให้ได้เสียก่อน จึงจะเปิดใช้งาน feature นี้ได้ครับ
4.Send product
ปุ่มนี้ จะมีให้เห็นในช่องแชท หากคุณเปิดฟิเจอร์ shop แล้วใส่สินค้าลงไปในนั้น
ข้อดีคือ คุณสามารถส่งภาพสินค้า และ รายละเอียด ที่มีขนาดใหญ่ ชัดเจน พร้อมราคาไปให้ลูกค้าได้ง่ายๆ
ลองทำดูครับ แล้วมันจะเป็นสีสันใหม่ ของการแชทผ่าน inbox
อะไรแปลกๆมันจะดึงความสนใจ ได้ดีครับ 😉
5.Greeting message
ข้อความต้อนรับ เมื่อมีคนทักเข้ามาใน Inbox ของเรา
ทำไมต้องทำ ทั้งๆ ที่เราก็มี admin คอยดูแลอยู่เสมอ
เหตุผลก็คือคนเราสมัยนี้ ใจร้อนครับ การตอบรับที่รวดเร็ว ย่อมดีกว่า ดึงให้เขาได้อยู่กับเราได้นานกว่า
อย่างน้อยข้อความ ที่ทำให้เขารู้ว่าเราได้รับข้อความแล้ว รอการตอบกลับ หรือ มีช่องทางติดต่อเร่งด่วน
จะทำให้ลูกค้าไม่หนีไปทันที (เว้นแต่เร่งรีบจริงๆ)
และเคล็ดลับที่ผมใช้บ่อยๆ กับ Greeting Message ก็คือ การหาคนติดตามใน LINE OA
เพราะถ้าคนที่อยากได้สินค้า หรือบริการเร็วๆ เขามักจะติดต่อไปทาง LINE OA ครับ
6.Facebook Label
เวลาเจอลูกค้าเยอะๆ เราจะแบ่ง ประเภทของลูกค้าได้อย่างไร
Facebook Label นี่แหละครับ จะเป็นตัวคัดแยกลูกค้าให้
การคัดแยกแบบนี้ ก็คือ การติดป้ายให้กับ ลูกค้าแต่ละคนเอาไว้ เช่น VIP ลูกค้าเก่า / โอนเงินแล้ว / เก็บเงินปลายทาง
ซึ่งป้ายเหล่านี้ เราสามารถสร้างได้ด้วยตัวเอง
ประโยชน์ของมันคืออะไร
เวลาเราอยากเช็คว่า ตอนนี้ ใครติดค้าง ไม่ได้โอนเงิน
สรุป
และทั้งหมดนั้นก็คือ
6 ความลับ ที่ซ่อนอยู่ ใน INBOX เฟสบุ๊ค
ประหยัดเวลา เพิ่มยอดขาย เอาไปใช้ได้เลย!
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
3 เหตุผล ที่ลูกค้าจะไม่ซื้อของกับคุณ ถ้าลืมทำสิ่งนี้ในเพจ
3 เหตุผล ที่ลูกค้าจะไม่ซื้อของกับคุณ
ถ้าลืมทำสิ่งนี้ในเพจ
หลายคนมักจะบ่นว่า ยิงแอดแล้ว
ทำโฆษณาแล้ว ลูกค้ามาถึงหน้าเพจ
แต่ไม่ซื้อของเลย
เพราะอะไร?
ถ้าคุณกำลังเจอปัญหานี้
ลองอ่านเรื่องนี้ดูก่อนมั้ยครับ
เพราะมันน่าจะช่วยทำให้คุณ แก้ปัญหาคาใจ ที่ติดค้างมานานได้
กับ เรื่องนี้!!
“3 เหตุผล ที่ลูกค้าจะไม่ซื้อของกับคุณ
ถ้าลืมทำสิ่งนี้ในเพจ”
ก่อนเข้าเหตุผลที่ผมอยากกล่าวถึง ผมอยากให้คุณลองจินตนาการว่า
ตอนเราเปิดเฟสบุ๊คบนมือถือ แล้วสไลด์หน้าจอ ไปเจอโฆษณา สักตัวนึง
คุณทำยังไง
ถ้าไม่สนใจ ก็เลื่อนผ่านไป
แต่ถ้าสนใจ เราก็กดไปดูหน่อย
หลังจากนั้น ซื้อเลยมั้ย?
แน่นอนว่าไม่ได้ซื้อหรอก ณ ตอนนั้น
(ของที่จะซื้อเลย คือของที่เราเข้าใจ รู้จักมาก่อน หรือ เป็นสินค้าที่ไม่ต้องคิดเยอะ ซึ่งโอกาสยากมาก)
ก่อนเราจะซื้อ เราจะต้องเข้าไปดูในเพจเสียก่อน เพื่อดูว่า
เพจนี้ เปิดมานานหรือยัง
ทำอะไรมาก่อนบ้าง?
ขายอะไรกันแน่?
มีคนมาซื้อเท่าไรแล้ว?
ถ้าเราสำรวจดูแล้ว ไม่มีอะไร ตามที่กล่าวมา
เพจเพิ่งเปิด
หรือโพสต์ล่าสุด คือ เมื่อปีก่อน
แบบนี้เรายังอยากซื้ออยู่มั้ย?
คงไม่นะ
ลองกลับมาดูเพจเรากันครับ
ว่าเราลืมทำ 3 สิ่งนี้กันหรือเปล่า
มาเช็คกันเลย
1.ไม่ได้เขียน Content ให้คุณค่า
ให้ลองนึกภาพนะครับ ถ้าคุณขายอย่างเดียว
มีแต่ภาพสินค้า กับ สเป็ค และราคา โดยไม่ได้มี เนื้อหาที่บอกว่า สินค้าของเรา ช่วยแก้ปัญหา อะไรให้ใครได้บ้าง
มันก็ยากที่จะ ตัดสินใจซื้อนะครับ
เพราะขนาดเนื้อหาในโพสต์ เรายังไม่ตั้งใจทำเลย
ความเชื่อใจของลูกค้าที่ควรมีให้กับเรา คงไม่เกิด
Content คุณค่า คือ เนื้อหาที่มีประโยชน์ ซึ่งถ้าเราเขียนออกมาดี
มันหมายถึง ความเป็นผู้เชียวชาญ ในเรื่องที่ลูกค้ากำลังมองหาอยู่
เขาสามารถพี่งพาเราได้
นี่คือเหตุผล ที่ว่า ทำไมเราต้องทำ content ออกมาให้ลูกค้าได้อ่านกัน
ไม่ต้องทำทุกวันก็ได้ครับ
แต่ทุกโพสต์ที่ทำ ควรต้องมีคุณภาพ ให้คนอ่านได้รับประโยชน์เสมอ!
2.รีวิว หรือ โชว์ผลลัพธ์
การโชว์ผลลัพธ์ หรือ สิ่งที่เราตั้งใจทำแล้วมีคนชอบ คือ การสร้างความน่าเชื่อถือ ได้เป็นอย่างดี
ดังนั้น เมื่อลูกค้าเก่า ที่ซื้อของ หรือ ใช้บริการของเราไป
สิ่งที่ต้องทำ คือ การขอ ภาพ หรือ video รีวิวการใช้งาน และ ขออนุญาตมาใช้ในเพจ
(จะนำมาขึ้นได้ เจ้าของต้องยินยอมเท่านั้นนะครับ ไม่ใช่ไปเอามาดื้อๆ)
และที่สำคัญ อย่า capture หน้าจอ chat ของ facebook หรือ instagram มาโพสต์
เพราะกฏเฟสบุ๊ค ถือว่าเป็นการอ้างอิงแพลตฟอร์มของ facebook มาโดยไม่ได้รับอนุญาติ
แต่ถ้า capture หน้าจอ line แบบนั้นได้นะ 😉
อีกอย่างก็คือปุ่ม review ในเพจ ถ้าคุณทำให้ลูกค้าประทับใจ เขาก็จะมารีวิวให้คุณอย่างดี
ซึ่งเป็นสิ่งที่ ทำให้คนกล้าตัดสินใจมากขึ้น ว่าจะซื้อของกับคุณหรือเปล่า
3.ความต่อเนื่อง สม่ำเสมอ
สิ่งนี้คือสิ่งที่พูดง่าย แต่ทำได้ยากเสมอ
เพราะ การจะทำเนื้อหาโพสต์ออกมา สักชิ้น มันช่างดูยากเหลือเกิน
แต่หากไม่ทำเลย คนที่เข้ามาดูในเพจ
พอไม่เห็นว่ามีการ update ก็จะพาลเข้าใจว่า คุณเลิกทำเพจไปแล้ว
แย่เลยคราวนี้!!
สรุป
ดังนั้น นอกจากจะมี เนื้อหาที่มีคุณค่า หรือ รีวิว ผลลัพธ์ดีๆ จากการใช้งาน
ความสม่ำเสมอ คือสิ่งที่ต้องมี
ลงมือทำครับ ฝืนให้เป็นนิสัย ต่อเนื่อง
จนกลายเป็นความเคยชิน ไม่ทำไม่ได้!!!
ไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อธุรกิจของคุณเอง!!!
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
6 ช่องทางหาไอเดีย เขียน content ไม่มีวันตัน
6 ช่องทางหาไอเดีย เขียน content ไม่มีวันตัน
.
ปัญหาคลาสสิก ของคนที่ทำ content ลงในเพจ
นั่นคือ การสร้างเนื้อหา ที่มีคุณค่าออกมาให้คนอื่นๆ
ได้อ่านกัน ได้ดูกันทุกวัน
.
เนื้อหาที่มีคุณค่า คือ เนื้อหาที่เขาอ่านแล้ว นำไปใช้ประโยชน์ได้
หรือ แก้ปัญหาให้เขาได้
.
เออ แล้วเราจะไปหาจากไหนดีล่ะ…?
.
ผมเองก็เจอปัญหานี้ บ่อยๆครับ
ก็เลยคิดว่า ที่ไหนมีปัญหาเยอะๆ ที่นั่นคือแหล่ง ทำ content ของเรา
.
ดังนั้น จึงขอแชร์แนวทาง
“6 ช่องทางหาไอเดีย เขียน content ไม่มีวันตัน” ให้ทุกท่านได้อ่านกันครับ
มาดูกันเลย ว่ามีอะไรบ้าง!!
.
1.ไปดู pantip
นี่คือแหล่ง หาข้อมูลที่ดีงามแล้ว สำหรับคนไทย
เพราะเวลาติดอะไร ไม่ว่าเรื่องไหน ก็ตาม ก็มักจะเข้ามาพิมพ์ถามกันใน pantip เสมอ
.
ซึ่งการหาข้อมูลนั้น ก็ไม่ยากเลย แค่เราไปที่ ช่อง search ในด้านบนของเว็บ pantip
พิมพ์ เป็นคำกว้างๆ เกี่ยวกับเรื่องที่เราอยากจะเจอปัญหา เช่น ปวดฟัน
ก็จะมีกระทู้ต่างๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องปวดฟันต่างๆ นาๆ หลากแบบ
อันไหนคนถามเยอะ ก็ไปค้นคว้ามาเขียนได้เลย รับรองว่า คนสนใจ content แน่นอน
และถ้าเขียนเสร็จแล้ว จะเอามาชี้แนะแนวทางให้คนใน pantip ได้อ่าน ก็จะทำให้เขารู้จักเรามากขึ้นอีก
(อย่าเอาลิงค์มาแปะ เพื่อ drive traffic อย่างเดียวนะครับ ไม่ดีๆ)
2.ปัญหาจาก inbox ที่คนถามมา
คนมีปัญหาจริงๆ เขาจะ inbox มาถามเสมอ
เพราะ หาไม่เจอจริงๆ เลยต้องมาถาม
นี่คือแหล่งข้อมูลที่ทรงคุณค่า เพราะคนหาทางแก้ไม่เจอ เลยมาหาเรา
พยายามรวบรวม แล้วก็ไปค้นคว้าข้อมูลมาเขียน มาทำ content รับรองว่า คนจะอ่าน จะแชร์เรื่องนี้แน่นอน!!
3.ไปดู google suggestion
นี่คือ แหล่งหาไอเดีย ที่คนชอบหากัน ได้ง่ายที่สุด เพราะแค่พิมพ์ คำหลักๆ ลงไปในช่อง google
เราจะเห็น keyword ที่ตามมาเป็นพรวน
ซึ่งบางครั้ง เรานึกไม่ถึงด้วยซ้ำว่า คนกำลังค้นหาทางแก้ปัญหาเหล่านี้กันอยู่
และเพื่อความมั่นใจว่า คำค้นหา นั้น คนหากันเยอะ จริงๆ หรือเปล่า
ก็ให้ใช้ google trends และ ubersuggest ในการตรวจสอบอีกรอบ ยังได้
(ubersuggest ใช้ในการ ตรวจว่า keyword นั้น มีการค้นหาเดือนละกี่ครั้ง ถ้ามีมาก ก็แสดงว่า คนหากันเยอะ
เมื่อก่อนใช้ฟรี ตอนนี้ มีค่ารายเดือน เดือนละ 500 กว่าบาท)
4.ไปสิงที่ เฟสบุ๊คกลุ่ม
นี่คือ แหล่งสิงสถิตย์ ของคนที่มีความสนใจแบบเฉพาะทาง ยิ่งกลุ่มไหน ทำออกมาได้ดี จะมีความเหนียวแน่น และคุณภาพเสมอ
จะไม่เจอโฆษณา live สดมั่วๆ หรือส่งลิงค์เกม อะไรไม่รู้มาให้เล่น
เฟสบุ๊คกลุ่ม จะมีทั้งคนให้ความรู้ และ คนที่ถามเรื่องที่เขาไม่รู้จริงๆ เข้ามา
หากโพสต์ไหนถาม แล้วมีการต่อความกันเยอะ แสดงว่าเป็นประเด็นสำคัญน่าสนใจ ที่คนอยากรู้จริงๆ
ให้นำแนวคิดนั้นมาเขียน content
แต่อย่าไป copy มาใช้โดยไม่ขออนุญาต นะครับ เดี๋ยวดราม่าจะบังเกิด!!
5.มาจากกลุ่ม LINE openchat
LINE openchat คือกลุ่มคนที่สนใจเรื่องเดียวกัน
ให้ลองเข้ากลุ่ม ที่ไม่ขายของ ชีวิตจะดีขึ้นมาก
ถ้าเป็นกลุ่มที่พูดคุยเรื่องเดียวกันจริงๆ ส่วนใหญ่จะเป็นการแชร์ความรู้ เทคนิค ต่างๆ มากมาย
ซึ่งจะมีทั้งคนถาม คนตอบ เราจะได้ทั้งปัญหาที่เจอบ่อยๆ หรือ ความรู้
ที่นำมาสร้าง content ได้ดีเลย!!
6.ไปดู youtube suggestion
อันนี้เป็นหลักการเดียวกับ google เหมือนกัน
แต่ความต่างคือ content ที่ปรากฏขึ้นมา ใน ผลการค้นหา เราจะเห็นว่า คนที่ทำ content แก้ปัญหามาก่อนหน้านั้น
เขาเล่าเรื่องไว้อย่างไร มีอะไรที่เขาทำได้ดี
มีจุดไหนที่เราจะทำให้ต่างไปจากเดิมได้
เพราะการมาทีหลัง ต้องทำให้แตกต่าง และน่าสนใจมากขึ้น
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
3 เทคนิค บรอดแคสต์ ใน LINE OA ที่ทำแล้วประหยัดลง รู้แล้ว เอาไปทำได้เลย
3 เทคนิค บรอดแคสต์ ใน LINE OA ที่ทำแล้วประหยัดลง
รู้แล้ว เอาไปทำได้เลย
หลายคนที่ใช้ LINE OA มาสักพัก
ก็จะสัมผัสได้ว่าฟังก์ชั่นการใช้งาน ก็ได้ใช้เต็มที่ ตั้งแต่แพคเกจฟรี เลยนะ
.
แต่ ค่าบรอดแคสต์นี่สิ ที่ทำให้ต้องคิดทุกครั้ง ก่อนจะยิงข้อความ
.
ถ้านี่คือ ปัญหาที่คุณคิดไม่ตก
อย่าปวดใจ ปวดหัวไปเลย
เพราะผมมีเทคนิค ดีๆ ที่เอาไปใช้ได้เลย มาบอกกล่าว
ใน…
“3 เทคนิค บรอดแคสต์ ใน LINE OA ที่ทำแล้วประหยัดลง”
.
1.Tag User
เทคนิคขั้นเทพ ที่มาปรากฏใน LINE OA เมื่อไม่นานมานี้ นี่คือ ฟังก์ชั่นที่ผมเฝ้ารอมานานเลยทีเดียว
เพราะ เมื่อก่อน จะทำแบบนี้ได้ เราต้องไปเชื่อมต่อกับ chatbot เพื่อ ทำการส่ง ข้อความไปให้ เฉพาะคนที่เราต้องการส่งได้เท่านั้น
แต่พอมีฟังก์ชั่นนี้เข้ามา เราสามารถ เลือกได้เลยว่าจะยิงข้อความไปหาใครได้บ้าง
ไม่ต้องยิงไปหาทุกคน ที่ติดตามเรา
เลือกเฉพาะ คนที่เราอยากให้เขาได้เห็น ก็พอ
ยกตัวอย่าง เช่น
- ลูกค้าเก่าที่ซื้อสินค้า A ก็ส่งสินค้า B ไปให้เขาเห็น
- ส่งโปรโมชั่นแรงๆ ไปให้ลูกค้า ที่ไม่เคยซื้อของ โดยยกเว้น ลูกค้าที่ซื้อสินค้า
แบบนี้ ช่วยได้เยอะเลยครับ
2.กำหนด filter
นี่เป็นอีกตัวเลือก เวลาที่เราจะบรอดแคสต์ แล้วทำให้เลือกกลุ่มเป้าหมายได้
เราสามารถแยกย่อยไป 5 แบบ นั่นคือ
ระยะเวลาที่เป็นเพื่อน : มีให้เลือกตั้งแต่ 6 วันไปจนถึง 1 ปีขึ้นไป เลือกได้เลย ว่าเราจะส่งข้อมูลหาคนใหม่ คนเก่า อย่างไร
เพศ : บางครั้ง เราอยากจะเล่น campaign เฉพาะผู้ชาย ก็สามารถ ทำได้ โดยเลือกจากสิ่งนี้
อายุ : เลือกช่วงอายุ เพื่อความเหมาะสมได้เลย
OS : สามารถเลือกได้เลยว่าจะเอา คนที่ใช้ iPhone หรือ Android (จริงๆ แบบอื่นก็มี แต่เลิกใช้ไปแล้ว เช่น BB)
พื้นที่ : ความหมายนี้ หมายถึง พื้นที่ลูกค้าอาศัยอยู่เป็นประจำ ตอนนี้เลือกได้ เป็น กรุงเทพ และ หัวเมืองใหญ่
หมายเหตุ
LINE รู้ว่า User แต่ละคนมีอายุ เพศ วัย อย่างไร จากพฤติกรรม การอ่านข่าว การคลิกดูเนื้อหาใน LINE เป็นหลัก นะครับ
3.กำหนดข้อความสูงสุด
วิธีนี้ ก็คือ ถือว่าเป็นการประหยัด แบบดื้อๆ เลย
อย่าส่งไปมากกว่านี้ ก็พอ
เหมาะกับวันที่ โควต้าเหลือน้อยๆ ช่วงปลายเดือน แต่ยังอยากจะ ส่งให้คนเยอะๆ
ผมคิดว่าจะมีอารมณ์แบบนี้บ้างล่ะครับ 😉
สรุป
และทั้งหมดนั้นก็คือ
3 เทคนิค บรอดแคสต์ ใน LINE OA ที่ทำแล้วประหยัดลง
รู้แล้ว เอาไปทำได้เลย
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
5 ทักษะ ที่ควรเตรียมตัวไว้ ก่อน Facebook Shops เปิดตัวในไทย
5 ทักษะ ที่ควรเตรียมตัวไว้
ก่อน Facebook Shops เปิดตัวในไทย
ข่าวใหญ่ ในวงการดิจิตัลบ้านเรา เมื่อ 1-2 วันที่ผ่านมา
คงหนีไม่พ้น เรื่องของ Facebook Shops
.
ผมเองก็ได้ติดตาม เรื่องนี้เช่นกัน
น่าสนใจนะครับ เพราะว่า
บางเรื่อง เป็นสิ่งที่คนไทย เห็นเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
บางอย่าง เรายังไม่เคยได้สัมผัส
.
ถ้าสรุปโดยรวมแล้ว สามารถเขียนให้อ่านง่ายๆ แบบนี้ครับ
.
A. Faceobook Shops เป็น feature ที่ทำขึ้นมาให้ SME เจ้าของกิจการ ทั้งเล็กใหญ่ ได้ขายของกัน
B. ขายได้ทั้ง Facebook อินสตาแกรม และ whatsapp
C. จ่ายเงินผ่านระบบ Facebook Payment ได้เลย
D. มี Live ขายของได้ แต่ทำ catalog มาโชว์ที่หน้าจอได้เลย
E. มีระบบสะสมแต้ม เพื่อให้ร้านค้าได้ใช้ดึงดูดใจลูกค้า
F. สามารถเชื่อมต่อกับเว็บไซต์ ecommerce หลากหลาย
.
ที่สำคัญ คือ มันฟรี!!!
.
นั่นคือเรื่องราวหลักๆ ของ Facebook Shops
.
เปิดใช้ก่อนที่อเมริกา
และประเทศอื่นๆ ในอนาคต (ไทยรอก่อนนะครับ)
.
เมื่อยังมาไม่ถึงเมืองไทย แสดงว่าเรามีเวลา เตรียมตัว
เพื่อรับมือกับ feature นี้พอสมควร
.
ผมเลยอยากขอเสนอ หัวข้อเรื่อง ที่ควรไปศึกษาเพิ่ม
พอเวลา Facebook Shops มาแล้ว เราจะได้ลุยกันเต็มที่เลย
ในหัวข้อ
“5 ทักษะ ที่ควรเตรียมตัวไว้
ก่อน Facebook Shops เปิดตัวในไทย”
1.การถ่ายภาพ แต่งภาพ ถ่าย+ตัดต่อวิดีโอ
สิ่งแรกที่เตะตา คนมากที่สุด จนทำให้ตัดสินใจ อ่าน และซื้อในที่สุด คือ ภาพ หรือ วิดีโอ
จะดีกว่ามั้ย หากเรามีมุมมอง การถ่ายภาพ หรือ การตัดต่อวิดีโอได้ดี
แม้จะไม่ได้ทำเอง แต่ถ้ามีความรู้เรื่องนี้ เราจะบอกความต้องการ
หรือ สื่อสารกับคนที่ทำให้ ได้ง่ายมากขึ้นกว่าเดิม
ดังนั้นทักษะ การถ่ายภาพ แต่งภาพ หรือ ถ่ายวิดีโอ ตัดต่อต่างๆ คือสิ่งที่น่าสนใจศึกษาไว้
เพื่อนำมาใช้กับงานขาย
2.ถ้าไม่เคยเล่น IG ไปเล่น IG ได้แล้ว
อินสตาแกรม คือ สถานที่รวมตัวของคนมีไลฟ์สไตล์
จ่ายง่าย โอนไว ไม่ค่อยมีคำถาม
อินสตาแกรมเคยมีข่าวของการทำ อินสตาแกรมช้อปปิ้ง มาเมื่อปีก่อน แต่ตอนนั้นยังไม่ได้เปิดให้ทำอย่างแพร่หลาย
แต่ตอนนี้ มีลิงค์ให้ได้เห็นกันเลย ใน อินสตาแกรม Business account
ไปลองเล่น ลองพยายามเปิดบัญชีกันได้
รวมทั้งศึกษาว่า คนเล่น อินสตาแกรมเขาชอบอะไรกัน!!
3.ทักษะการ live ต้องมา
ต้องบอกว่า เฟสบุ๊คทึ่งมากที่คนไทย สามารถใช้ feature live มาขายของได้
นี่คือเรื่องปกติ ที่คนไทยรู้จักดี ซึ่งต่อไป จะมีการเปิด feature live แล้ว มีของมาโชว์ เพื่อให้คนดูกดเลือกซื้อได้
สิ่งที่ต้องเตรียมตัว คือ การฝึกพูดหน้ากล้อง ความมั่นใจ บุคลิกภาพ
รวมทั้ง อุปกรณ์ที่ทำให้ Live ออกมาสวยๆ เช่น กล้อง DSLR ไฟส่องหน้า โคมไฟ ไฟตู้ ต่างๆมากมาย
4.การใช้ Facebook Payment
เนื่องจาก เฟสบุ๊คชอบให้คนอยู่ใน platform ของเขาอยู่ตลอดเวลา
เฟสบุ๊คเพย์เมนต์ จึงเกิดขึ้นใน inbox เพราะว่า คนแชทกัน
ส่วนใหญ่คือการซื้อของ
จะดีกว่ามั้ย หากวันนี้สามารถจ่ายเงินผ่าน inbox โดยไม่ต้องออกไปโอนในแอพธนาคาร!
นี่แหละ คือความสามารถของ เฟสบุ๊คเพย์เมนต์!!
5.ถ้าจะโปร ให้ศึกษา platform ecommerce
ถ้าต้องการจะให้โปรมากกว่าเดิม มี platform ecommerce หลากลายที่เปิดให้ใช้งานร่วมกับ Facebook Shops ได้
ชื่อที่คุ้นหูคนไทยมากๆ ตอนนี้คือ
- shopify เริ่มทำการตลาดในไทยแล้ว และ มีคนเริ่มใช้งานแล้ว (มีค่าบริการรายเดือน)
- woocommerce ส่วนใหญ่ใช้คู่กับ wordpress คนรู้จักกันแพร่หลาย (ไม่เสียเงิน แต่ต้องไปพัฒนาระบบเอง)
ลองจับ ลองแตะ ลองศึกษาไว้เลยนะครับ
(แต่สุดท้าย ถ้าลูกค้าไม่อยากใช้งาน จะ capture ถามราคา แล้วโอนเงิน ก็ไม่ต้องไปขัดใจลูกค้า นะครับ)
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
13 วิธี เพิ่มคนใน LINE OA ที่ได้ผลจริง รู้แล้วเอาไปทำได้เลย
13 วิธี เพิ่มคนใน LINE OA ที่ได้ผลจริง รู้แล้วเอาไปทำได้เลย
.
คำถามสุดคลาสสิก ที่มีคน inbox มาถามผมบ่อยๆ
เกี่ยวกับการทำ LINE OA
นั่นคือ
“จะเพิ่มคนใน LINE OA ได้ยังไง?”
.
เพราะการใช้ LINE OA ไม่ยาก
แต่การหาคนที่ใช่ มาติดตามนั้นยากกว่า
.
และข้อมูลที่ผมเคยเจอ
พบว่า มีผู้ประกอบการหลายท่าน ที่ไม่เคยใช้ LINE OA ปกติ ก็ให้ลูกค้าเพิ่มเพื่อน ที่ LINE ส่วนตัวอย่างเดียว
ตอนติดต่อกันคุยกัน ไม่มีปัญหา
.
แต่เวลาส่งข่าวสาร หรือ แจ้งโปรโมชั่น อันนี้แหละ เรื่องใหญ่ เพราะต้องไล่ส่งทีละคน เหนื่อยมาก!
ดังนั้น ผมเลยเสนอ ให้ใช้ LINE OA มาแก้ปัญหานี้
.
เอาล่ะครับ และนี่ก็คือ
.
13 วิธี เพิ่มคนใน LINE OA ที่ได้ผลจริง รู้แล้วเอาไปทำได้เลย
.
มีอะไรบ้างมาดูกันเลยครับ
1.LINE ส่วนตัว
เริ่มจากลูกค้าที่เรารู้จักกันมาก่อนหน้านี้ บอกให้เขากดเข้าไปติดตาม ที่ LINE OA ได้เลย
คุณอาจจะถามว่า แล้วเค้าจะมาแอดทำไม?
.
เทคนิคที่ต้องเพิ่มเข้าไป ต้องมีการแลกเปลี่ยนอะไรบางอย่าง ที่ดูเหมาะสม
ยกตัวอย่างเช่น
“ถ้าเพิ่มเพื่อนแล้ว ครั้งหน้ามาซื้อ จะลดให้ xxx บาท”
“ถ้าเพิ่มเพื่อนแล้ว ครั้งหน้ามาซื้อ รอบหน้าส่งฟรี”
.
ถ้าแบบนี้ ก็น่ากดติดตามแล้วใช่มั้ยครับ?
.
2.LINE กลุ่ม
สำหรับ LINE กลุ่มนั้น จะแตกต่างจาก LINE ส่วนตัว เพราะว่า เป็นพื้นที่สาธารณะย่อมๆ
ดังนั้น การนำเสนอ จึงควรเป็นไปในบริบทที่ใช่
ถูกที่ ถูกเวลา อย่านำเสนอมั่ว
.
เพราะ LINE จะมองว่าคุณคือตัวป่วน เขาจะลบคุณออกจากระบบเอาง่ายๆ
.
ถ้าใช้ แนะนำให้เลือกสถานการณ์ที่เหมาะสม จริงๆ นะครับ
อาจจะเริ่มจากกลุ่มเพื่อน กลุ่มหมู่บ้าน หรือ ช่วงเวลาที่เขาต้องการความช่วยเหลือจริงๆ
.
3.เบอร์โทร
หากคุณทำธุรกิจแล้วไม่มีเบอร์ติดต่อ เบอร์โทรลูกค้าเลย อันนี้ อันตรายนะครับ
เพราะคุณจะหาแต่คนใหม่เสมอ
.
ถ้าวันนี้ไม่มีเบอร์โทรลูกค้า ได้เวลาที่ต้องสะสมแล้ว
.
สำหรับคนที่มีเบอร์โทร ให้ SMS ส่งลิงค์ เพิ่มเพื่อน ไปหาลูกค้าเพื่อให้กดเพิ่มเข้ามา
ส่วนจะพิมพ์ยังไง ให้เขายอมกด ก็ต้องแลกด้วย สิ่งที่น่าสนใจ
อาทิ “ส่วนลด” “ส่งฟรี” ในการซื้อรอบหน้า
แบบนี้ จะทำให้เค้ากดมาครับ
.
4.Email
Email ก็คือทรัพย์สินอีกอย่าง ที่เราต้องมีเอาไว้เสมอ
ถึงแม้คนจะบอกว่า คนไทยไม่ใช้อีเมล์แล้ว
.
แต่มีอีกหลากหลายธุรกิจ ที่ส่งข้อเสนอไปทางอีเมล์ แล้วได้รับ feedback กลับมา
และเทรนด์เมืองไทย มีอนาคตที่จะไปแนวทางนี้ครับ
.
ดังนั้น ไม่ควรพลาดกับช่องทางนี้
.
5.เฟสบุ๊ค ส่วนตัว
เฟสบุ๊ค สนับสนุนโพสต์ที่มาจาก Profile ของแต่ละคน เป็นอันดับแรกๆ
ดังนั้นการโพสต์ ผ่าน เฟสบุ๊คส่วนตัวของจึงเป็นแหล่งดึงคนเข้า LINE OA ที่น่าสนใจ
.
บางคนมี engagement ดีๆ ก็มีคนยอมกดเข้ามาติดตาม
6.เฟสบุ๊ค Fanpage
สำหรับ fanpage นั้น จะต่างจากเฟสบุ๊คตรงที่ เราทำโฆษณาโพสต์ให้คนเพิ่มเพื่อนได้
ซึ่งได้ผลดีเช่นกัน
.
จะทำให้เพิ่มเพื่อนแบบธรรมดา
หรือว่าจะสร้างโพสต์ แล้วให้คน comment แล้วดึงเข้า inbox ก่อนไปเพิ่มเพื่อน ก็ทำได้เช่นกัน
เพียงแต่ต้องใช้ chatbot เข้ามาช่วย
.
ประโยชน์ที่ได้คือ เก็บคนไว้ใน inbox Facebook และเพิ่มคนลงใน LINE OA ด้วย!
.
7.Website
สำหรับคนที่มีเว็บไซต์ อย่าลืมที่จะใส่ ปุ่มกดเพิ่มเพื่อนลงไปด้วยในเว็บไซต์
เพราะทุกหน้าเว็บที่เข้าไป ถ้ามีข้อสงสัย เขาอยากได้คำตอบ
เขาจะมองหาวิธีการติดต่อกับเรา
.
สมัยก่อน อาจจะมีเฉพาะเบอร์โทร ติดต่อ
สมัยนี้ ใส่ไปเลย ปุ่มกดเพิ่มเพื่อน
.
แต่อยากให้เขียนคำว่า “ปรึกษาฟรี” หรือ “คลิกปุ่มนี้ เพื่อสอบถาม”
เนื่องจาก คำว่า”เพิ่มเพื่อน” คนไม่เข้าใจ และไม่รู้จะกดไปทำไม?
.
ลองปรับปรุงกันนะครับ
.
8.QRcode
วิธีการนี้คลาสสิกสุดๆ และเป็นเครื่องมือที่ ทาง LINE มีให้อยู่แล้ว
เหมาะมาก สำหรับคนที่มีหน้าร้าน เพราะคนที่มาที่ร้านนั้น คือลูกค้าของเราอยู่แล้ว
.
นี่คือลูกค้าที่ใช่ ที่เราควรให้เขา เข้ามาใน LINE OA
ที่เหลือคือ เทคนิคของแต่ละคนแล้ว
.
9.Youtube
เวลาคนจะแก้ปัญหา ส่วนใหญ่จะใช้ Google และ Youtube
ถ้าคุณมีช่องทางใน Youtube แล้วมีคลิปที่คนสนใจ
.
คนอยากรู้ แล้วอยากได้ข้อมูลเพิ่ม
.
ถ้ามีลิงค์ LINE OA ให้ติดต่อ คนจะเพิ่มเพื่อนมาทันที เพื่อคุยกับเรา
(อันนี้คอนเฟิร์ม เพราะใช้อยู่ คนทักมาเรื่อยๆ ครับ)
.
10.จ้าง influencer blogger
อีกหนึ่งช่องทาง ที่หลายคนอาจจะ คาดไม่ถึง หรือ มองว่าใช้งบเยอะ
นั่นคือ influencer หรือ blogger แต่ถ้าเราเลือกได้ถูกกลุ่ม
รับรองว่า นี่คือ แหล่งเพิ่มคนที่ใช่ ชั้นดีเลยทีเดียว
.
11.บัตรสะสมแต้ม
คนที่ใช่ คือคนที่ซื้อของ หรือ สินค้าเรา
feature บัตรสะสมแต้ม คือ สิ่งที่ควรใช้ เพราะมันใช้ได้ทั้ง ธุรกิจที่มีหน้าร้าน หรือ ขายของออนไลน์ ก็ทำได้หมด
.
เพราะถ้าวิธีการให้เพิ่มเพื่อนจาก QRcode แล้วคนอาจจะไม่ยอมทำ
แต่การให้สะสมแต้ม ที่สร้างประโยชน์ให้ลูกค้า เขาจะยอมทำ
.
และถ้าลูกค้าสะสมแต้ม เมื่อไร ระบบจะเพิ่มลูกค้าให้กลายเป็นผู้ติดตามของเราทันที
.
12.คูปอง
นี่คือ อีก วิธีที่หลายคน ไม่ค่อยใช้กันนัก
แต่นี่คือตัวเปิดที่ดี ในการหาลูกค้าที่ใช่ มาใช้บริการ
และเพิ่มเพื่อนไปในตัว!!
.
มันเจ๋งมากครับ 😉
แต่จะได้ผลมากน้อยแค่ไหน ข้อเสนอใน คูปองที่ลูกค้าได้รับ
ต้องน่าสนใจมากพอ จะทำให้เขาตัดสินใจกดรับ!
.
13.LINE PAY
เทคนิคนี้ ไม่ค่อยมีใครเขียนแนะนำ ไว้เท่าไร
เพราะว่า ต้องไปตั้งค่า ที่ LINE PAY ที่เราสมัครเอาไว้
.
ให้ลูกค้าที่จ่ายเงิน ได้กดติดตาม LINE OA ของเรา
.
นี่แหละ คือลูกค้าที่ใช่ครับ!!
.
ซึ่งการสมัคร LINE PAY สมัยนี้ ถ้าสมัครผ่าน Myshop ก็จะง่ายมากๆ
4-5 วัน ก็ได้ LINE PAY มาใช้แล้ว
.
เหมาะสำหรับ การอำนวยความสะดวก ให้กับลูกค้าที่อยากจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิตนะครับ 😉
.
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
ข้อผิดพลาดของการยิงแอดเฟสบุ๊ค ที่คุณอาจคาดไม่ถึง
ข้อผิดพลาดของการยิงแอดเฟสบุ๊ค ที่คุณอาจคาดไม่ถึง
.
สำหรับคนที่เป็นมือใหม่ หรือ ยิงแอดมานานแล้ว
ทุกวันนี้ มองโฆษณาเฟสบุ๊คกันแบบไหนอยู่
.
ถามใครๆ ก็ต้องบอกว่า
ก็มองเป็นการโฆษณาสิ เออ ถามแปลกๆ
.
ใช่ครับ ก็เป็นการโฆษณา
ผมเองก็คิดแบบนั้นมาก่อน จนกระทั่ง ได้มาฟัง แนวคิด จาก อ.อั๋น เชิดพงศ์
เกี่ยวกับเรื่องการยิงแอดเฟสบุ๊ค ซึ่งประทับใจมาก จนอยากขอมาแชร์ให้กับทุกคนได้ฟังอีกครั้ง
ณ ที่นี้ครับ
.
อ.อั๋นเล่าให้ฟังว่า
ช่วงที่ทำเพจใหม่ๆ นั้น มีการยิงแอด เพื่อขายสินค้า
ยิงแอด 10,000 ได้ยอด เกือบล้าน
ก็รู้สึกแฮปปี้ ที่สามารถ ทำยอดขายได้เยอะ แต่ใช้เงินไม่เยอะ
.
และเมื่อไรที่ยิงแอดได้แล้วใช้เงินเยอะๆ
รู้สึกไม่แฮปปี้เลย เพราะเหมือนเราเอง ทำไม่ถูก หรือเปล่านะ
จะทำยังไง ให้มันกำไรเยอะๆ เหมือนเดิม
.
จนกระทั่ง ได้ไปสัมมนา ที่่ต่างประเทศ
และมีการได้คุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนชาวต่างชาติ
ซึ่งได้คุยถึงประเด็นนี้เช่นกัน
.
เมื่อฝรั่งรู้ว่า อ.อั๋นยิงแอดหลักหมื่น แต่สร้างรายได้หลักล้าน
ก็ตกใจ และถามว่า
“ถ้ายิงหลักหมื่นได้หลักล้าน ทำไมไม่ยิง สัก ห้าหมื่น หรือ แสนไปเลยล่ะ จะได้เงินเยอะกว่านี้”
.
อ.อั๋น ก็ถึงกับอึ้ง
และคิดย้อนไปในอดีตที่ยิงแอดมา
.
แล้วคิดในใจว่า
“ที่ผ่านมา ทำเงินหล่นหายไปเท่าไรกันเนี่ย!!”
.
เรื่องนี้ประทับใจผมมาก
เพราะเป็นเรื่องที่ผมคิดไม่ถึงเหมือนกัน
.
ผมก็ยอมรับว่า ผมก็เคยเป็นแบบนั้น
ทำยังไงก็ได้ ให้น้อยแต่ได้มากที่สุด
.
และคนอื่นๆ ก็น่าจะเป็นแบบนี้เช่นกัน
.
ทุกครั้งที่ยิงแอด ถ้ายิงแอด 300 บาท ได้ 400 บาท ก็ถือว่ากำไรแล้ว
เพราะหากสินค้า หรือบริการของเราดีจริง
.
สุดท้าย เขาจะกลับมาสั่งซื้อ ใช้บริการเราเองอย่างต่อเนื่อง
เรียกว่า customer value lifetime
.
ดังนั้น ให้มองว่า การยิงแอด
คือการลงทุน ไม่ใช่ค่าใช้จ่าย
.
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
3 เรื่องต้องเช็ค หลังทำโฆษณาเฟสบุ๊คไปแล้ว ไม่อยากจ่ายค่าแอดฟรี ต้องอ่าน
3 เรื่องต้องเช็ค หลังทำโฆษณาเฟสบุ๊คไปแล้ว ไม่อยากจ่ายค่าแอดฟรี ต้องอ่าน
คนทำธุรกิจ ขายของ ขายบริการ
บนเฟสบุ๊ค
เมื่อทำโฆษณาแล้ว หรือ ที่เข้าใจกันในคำว่า ยิงแอด
หลังจากกดให้โฆษณาขึ้นไปโผล่สู่สายตากลุ่มเป้าหมายแล้ว ปั๊บ
เรื่องจะไม่จบแค่นั้น!!
เพราะมีเรื่องที่เราต้อง ตรวจสอบ หรือ เช็คสุขภาพโฆษณาของเรา
หลักๆ 3 ข้อด้วยกัน
อันนี้เขียนจากประสบการณ์ แล้วกันนะครับ ที่ทำมาเป็นแบบนี้
1. โฆษณาไม่วิ่งเลย!!
เอ้า พอกดให้โฆษณาทำงาน แต่ทำไม มันไม่ทำงานล่ะครับ
อันนี้ ให้เช็คว่าสถานะของมันอยู่ตรงไหน บางครั้ง ถ้าคนที่เปิดบัญชีโฆษณามาใหม่ โฆษณาจะอนุมัติช้า
ให้รออการอนุมัติไปครับ
ถ้าอนุมัติแล้ว ก็ต้องเช็คว่า มันขึ้นแสดงว่าทำงานอยู่ หรือ Active
ถ้าทำงานอยู่ ก็แล้วไปครับ แต่บางครั้ง ทำงานไปแล้ว ก็หยุด และบางที ก็หาไม่เจอด้วย
อันนี้ อาจจะเป็นไปได้ ว่า โฆษณาถูก reject คือ ไปผิดกฏอะไรสักอย่างของ เฟสบุ๊คครับ แบบนี้ ให้เช็คละเอียดหน่อย
เพราะเป็นเรื่องอ่อนไหว
ถ้าผิดบ่อยๆ จะโดนปิดบัญชีได้
2.โฆษณาวิ่ง แต่คนไม่ทักเลย!
เอาล่ะ โฆษณาวิ่งแล้ว มี Reach มีการเข้าถึง แต่ว่า ไม่มีคนคลิก คนทักมาเลย
ทำไงดีแก!!
ถ้าเป็นแบบนี้ แนะนำว่า ให้ไปแก้ไขสิ่งต่างๆ ต่อไปนี้
2.1. ไปแก้ภาพ : ภาพดึงดูดใจมากพอหรือเปล่า สะดุดตามั้ย หรือขนาดเรายังไม่มองเลย แบบนี้ ให้เปลี่ยน
2.2. แก้ caption : คำพูดที่เราเขียน อ่านแล้ว อยากหยุดตั้งแต่ครั้งแรกเลยมั้ย ถ้าไม่ ไปเขียนใหม่ หาอะไรที่มัน เข้าประเด็นเร็วๆ หรือ เออ คำนี้ โดนเลย
2.3. เช็ค call to action : ส่วนใหญ่ อยู่ด้านท้ายของคำพูดทั้งหมดเสมอ เรามาดูกันว่า ได้บอกให้คนทำอะไร หลังจากอ่าน มาทั้งหมดหรือเปล่า เช่น ทักแชท โทร กดคลิกลิงค์นี้ ได้ทำมั้ย ถ้ายัง ให้ไปทำซะนะครับ
3.คนทักมา แต่ไม่ซื้อ!
อะ ทักมา แต่ไม่ซื้อ มีอยู่หลายสถานการณ์ นะครับ
3.1 ทักมาอย่างเดียว ส่งข้อมูลไป ไม่อ่าน : อันนี้ กดพลาด เป็นเรื่องปกติของ facebook
3.2 ทักมาถาม ส่งข้อมูล อ่าน แต่ถามไปก็ไม่ตอบ : อาจจะเป็นการระดมส่งข้อมูลอย่างเดียว จนไม่ได้เปิดช่องให้คุยกัน ลองหาตัวเปิดบทสนทนา ที่จะเข้าถึงตัวเค้ามากขึ้น เช่น เคยใช้สินค้าแบรนด์ไหนมาก่อน / อยู่จังหวัดอะไร / ปกติกินแบบไหน ส่วนใหญ่ ถ้าเจอคำถามนี้ มักจะคุยกันต่อไปได้
3.3. ทักมา ถาม ขอข้อมูล นิดๆหน่อยๆ แล้ว เหมือนจะซื้อ แต่ ไม่ซื้อ : อาจจะเป็นเพราะ เขายังไม่เล็งเห็นถึงประโยชน์ หรือ ความคุ้มค่าที่จะได้จากเร
3.4. ทักถามทุกอย่าง ถามจนเหนื่อย แต่ไม่ซื้อ : ถ้าแบบนี้ ให้ทำใจ ครับ ปล่อยผ่าน แล้วเดินหน้าต่อ
สรุป
และนี่คือ
3 เรื่องต้องเช็ค หลังทำโฆษณาเฟสบุ๊คไปแล้ว
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook
5 วิธี โปรโมทให้คนรู้จัก Myshop ของคุณมากกว่าเดิม รู้แล้วเอาไปทำได้เลย!
5 วิธี โปรโมทให้คนรู้จัก Myshop ของคุณมากกว่าเดิม
รู้แล้วเอาไปทำได้เลย!
คำถามยอดนิยม ของคนที่ทำ Myshop
หรือ เว็บอีคอมเมิร์ซ ที่เปิดได้ฟรี ด้วย LINE OA
ก็คือ
จะทำยังไง ให้คนรู้จัก Myshop ของเราให้มากขึ้น
ผมขอเข้าเรื่องตรงๆ เลยนะครับ
ว่าวิธีที่จะทำให้คน เข้าถึง หรือ รู้จัก Myshop ของคุณให้มากขึ้น คือ วิธีต่อไปนี้
รู้แล้วเอาไปทำได้เลย
(บทความต่อไปนี้ เหมาะสำหรับ คนที่ทำ Myshop มาระยะหนึ่งแล้ว)
1 บรอดแคสต์ไปที่ Rich Message
ทำลิงค์สินค้า จาก Myshop ติดไว้กับ Rich Message นะครับ
แบบนี้ เราสามารถทำสินค้า ไว้ได้มากสุด 6 ตัว (ตาม Design ของ Rich Menu ครับ)
2 บรอดแคสต์ไปที่ Card Message
ใครไม่เคยทำ ให้รีบไปทำนะครับ
เพราะว่า Card Message นี่ 1 แถว สามารถใส่ได้ 9 ลิงค์ ด้วยกัน
แล้วถ้าคุณบรอดแคสต์ 1 ครั้ง ได้ 3 บอลลูน
1 บอลลูน ก็ใส่ card 1 message ได้ 1 แถว
3 บอลลูน ก็ใส่ card message ได้ 3 แถว หรือ 27 ลิงค์สินค้า!!
แจ่มมาก!!
3 ใส่ Link Myshop ไว้ที่ Rich Menu
อันนี้ เป็นวิธีการที่ผมถือว่า ปกติมาก แต่บางคนอาจจะลืมนึกไป
เพราะทุกครั้ง ที่มีการบรอดแคสต์ ข้อความ
คนมักจะกดดู rich menu ทุกครั้งเสมอ
ดังนั้น จึงไม่ควรละเลย ใส่ myshop เข้าไปในนี้ด้วยนะครับ
4 แชร์ลิงค์ไปที่ Social Media ของคุณ
Myshop สามารถ ทำงานได้ทุกที่ ไม่ได้เฉพาะแต่ใน LINE อย่างเดียว
ดังนั้น มี Social Media อะไร ที่ส่งลิงค์ได้
ส่งไปเลยครับ โดยเฉพาะ Facebook สามารถลิงค์ไปได้เหมือนกับ เปิดหน้าเว็บเลย
จัดไปเลยสิครับ รออะไร!!
5 ใส่ไว้ใน Greeting Message
อีก 1 เรื่องที่คนชอบลืมทำกัน
ก็คือข้อความต้อนรับคนที่เพิ่ง เพิ่มเพื่อน LINE OA ของเรา
สามารถ ข้อความ rich message card message rich video ได้มากถึง 5 บอลลูน
ดังนั้น อย่าปล่อยให้มันว่างครับ
แนะนำ Myshop ของเราไปด้วยเน่อ!!
แต่ความน่าสนใจ ของมันอยู่ตรงที่ เทคนิคนี้ครับ
ทำโปรโมชั่น ราคาพิเศษ จำนวน xxx ชิ้น ใครซื้อก่อน ได้ก่อน
- ทำสินค้า ขึ้น Myshop แต่ทำราคาพิเศษ ที่มีจำกัดแค่ 10 ตัว
ใครมาก่อน จ่ายเงินก่อน ก็จะได้ราคาพิเศษไปเลย
แบบนี้ ชวนให้คนสนใจ อยากกดหามาใช้งาน Myshop ของเรามากกว่าเดิมครับ
แล้วครั้งต่อไป ก็ค่อย ทำการตลาดกับลูกค้าคนนี้ต่อไปผ่าน LINE OA
และนั่นก็คือ 5 เทคนิค ทำให้คนรู้จัก Myshop ของเรามากขึ้นครับ!!
มีเทคนิคมากกว่านี้ แนะนำกันมาได้เลยครับผม
3 สิ่งต้องเช็ค ก่อนเสียเงินทำโฆษณาเฟสบุ๊คครั้งต่อไป
3 สิ่งต้องเช็ค ก่อนเสียเงินทำโฆษณาเฟสบุ๊คครั้งต่อไป
.
อยากทำยอด
อยากมีคนทัก
.
ก่อนคิดจะยิงแอดครั้งต่อไป
อยากให้เช็ค 3 สิ่งนี้ก่อนเสมอ
.
1.เพจคุณสมบูรณ์หรือยัง
เมื่อเราตัดสินใจทำโฆษณาไปแล้ว คนไม่ได้สนใจแค่โฆษณาอย่างเดียว
เพราะเขาจะเข้ามาดูในเพจของคุณก่อน ว่าทำอะไรมาบ้าง
ภาพลักษณ์เป็นอย่างไร
เปิดมานานแล้วหรือยัง
หรือถ้าเปิดไม่นาน อะไรที่จะบอกเขาได้ว่า
ถ้าทำธุรกิจกับเรา หรือซื้อของกับเรา แล้วจะไม่โดนโกง
สิ่งนี้จำเป็นต้องเช็ค ไม่ว่าจะเป็น
- about
- story
- เบอร์ติดต่อต่างๆ
- แผนที่
- ภาพ Profile
- ภาพ Cover
เหล่านี้คือ หลักฐานที่จะทำให้คนเชื่อมั่นว่า เราตั้งใจทำธุรกิจจริง
2. content ที่นำเสนอมีประโยชน์มากพอหรือยัง
นอกจาก ตัวเพจที่น่าเชื่อถือแล้ว content หรือสิ่งที่เราโพสต์ ล้วนเป็นสิ่งที่คนอ่านเสมอ
สิ่งที่เราเขียนไปในเพจ
คือสิ่งที่เราเขียน คือคุณค่า ที่เราส่งมอบให้กับคนอื่นๆ
ถ้าเราเขียนดี
คนจะยิ่งเชื่อมั่นในเพจ ในธุรกิจของเรา
แต่บางครั้ง หลายๆ คนอาจจะมีเผลอใส่อารมณ์ส่วนตัว
หรือความไม่พอใจ ลงไปในโพสต์
ทำให้ดูแล้วต้องชะงัก หรือ ถอยออกมาก่อน
แล้วตัดสินใจอีกครั้งว่า จะซื้อขาย หรือ ทำธุรกิจกับเพจนี้ดีหรือไม่
นอกจากนั้น content ที่เราทำต้องให้ประโยชน์ กับคนที่เรามุ่งหวังอยากให้เขาติดตาม
เช่น
ทำเพจอาหาร ก็ควรเป็น ความรู้ ประโยชน์ ที่ดึงคนทำอาหารมารวมกัน
ทำเพจขายของให้ช่าง ก็ควร มีความรู้ เทคนิค ประโยชน์ ที่ดึงเอาคนสายช่างมารวมกัน
และดีที่สุด คือ การพูดด้วยตัวเราเอง เป็นสำนวนของเราเอง
ไม่ได้แชร์มาจากที่อื่นๆ
3. มีรีวิว มีผลลัพธ์หรือยัง
สำหรับคนเปิดเพจใหม่ๆ หากไม่มีรีวิวจากลูกค้า ก็ยังไม่เป็นไร
แต่ถ้า คุณมีผลลัพธ์ จากสิ่งที่นำเสนอ ในเพจ
ก็ควรนำมาใส่
เช่น มีคน สุขภาพดีขึ้น หลังจากได้ใช้ สินค้าของคุณ
คนที่ ตัดต่อ video ได้เร็วขึ้น หลังจากได้เรียนคอร์สตัดต่อของคุณ
คนที่กินแล้วอร่อย จนต้องชื่นชม หลังจากได้กินขนมหรืออาหารของคุณ
วิธีการนำเสนอเรื่องแบบนี้ ทำได้หลายแบบ ด้วยเครื่องมือของ เฟสบุ๊ค ไม่ว่าจะเป็น
- โพสต์ภาพลูกค้าที่ใช้แล้วดี (ไม่ใช่ capture จาก inbox ของเฟสบุ๊คนะครับ เพราะผิดกฏเฟสบุ๊ค)
- รีวิว ให้ดาวในเพจ จากลูกค้าที่ชื่นชอบเรา
สิ่งเหล่านี้แม้จะเล็กน้อย แต่ทำให้คนมั่นใจในตัวเรายิ่งขึ้น เมื่อมาส่องเพจของเราแบบละเอียดๆ
สรุป
และทั้งหมดนี้คือ
3 สิ่งต้องเช็ค ก่อนเสียเงินทำโฆษณาเฟสบุ๊คครั้งต่อไป
หากแนวคิดนี้ เป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์
อยากให้ช่วยกันแชร์ ออกไปครับ ให้เพื่อนๆ คนอื่นๆ ได้อ่านกัน เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมได้พัฒนานำเสนอเนื้อหาให้ทุกคนได้อ่านกันอีก
หรือคิดต่างไปจากนี้ สามารถ comment กันมาได้นะครับ
เพื่อผมจะได้นำไปปรับปรุงการนำเสนอให้ดียิ่งขึ้น
ติดตาม พี่นุก สอนรุกการตลาดออนไลน์ได้ในช่องต่อไปนี้
website : https://www.digitalnook.co/
medium : https://medium.com/digitalnook
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
line : @digitalnook = http://bit.ly/digitalnookline
youtube : http://bit.ly/sub-digitalnook-yt
https://www.tiktok.com/@digitalnook