Audience Insight : ยิงแอดตรงจุดมากขึ้น เพราะใช้ Audience Insight ทำได้แบบนี้นี่เอง
Audience Insight : ยิงแอดตรงจุดมากขึ้น เพราะใช้ Audience Insight ทำได้แบบนี้นี่เอง
.
เชื่อว่าทุกคนที่ ทำโฆษณาบนเฟสบุ๊ค
จะต้องประสบกับปัญหา เรื่องการหาความกลุ่มสนใจ ที่ใช่จริงๆ
ว่าเขาเหล่านั้น อยู่ตรงไหน?
.
มันเป็นความคลาสสิก นิรันดร์กาลจริงๆครับ
ถ้าจะให้เริ่มต้นกันง่ายๆ โดยยังไม่ต้องไปใช้เทคนิค เรื่อง Custom Audience หรือ Look a Like
ก็ขอแนะนำ เครื่องมือการตรวจสอบ interest หรือความสนใจ ที่เฟสบุ๊ค มีให้ใช้กัน
.
เครื่องมือนี้ เราเรียกว่า Audience Insight ครับ
.
มันเป็นเครื่องมือ ช่วยเราประเมินความสัมพันธ์ ความเกี่ยวข้องของ interst ที่เราคาดว่า
จะเป็นกลุ่มเป้าหมายของเราจริงๆ
.
สมัยก่อน เราอาจจะมโนไปเอง
มโนได้ถูกต้อง ก็ ปัง ก็ลดค่าแอดได้
มโนผิดก็ไม่ปัง อืด ไปเลย ค่าแอดแรง!!
.
การใช้ Audience Insight มาเช็ค Interest จึงสมควรเป็นอย่างยิ่ง ก่อนจะทดสอบทำแอดเฟสบุ๊คครับ
.
มาทำความรู้จักกันเลย!!
.
วิธีการใช้งาน ก็ไม่ยุ่งยากครับ
ลองปล่อยใจ ไปกับแนวทางของเฟสบุ๊คกันเนาะ
.
เริ่มจากเข้าไปที่ หน้า ads manager ของเฟสบุ๊คก่อน แล้วทำการเลือกที่เมนู Audience Insight
.
เมื่อเข้าไปแล้ว ก็จะเจอหน้าตาสวยๆ และกราฟมากมาย หลายแท่งจ้า
ให้เราสนใจ ตรงด้านซ้ายมือเป็นหลักนะครับ
สิ่งแรกที่เราจะทำก็คือ การเลือกกลุ่มเป้าหมาย ที่เราสนใจ
นั่นคือ
– location / age and gender
สมมุติว่า เรากำลังขายของเล่นเด็ก ความสนใจของคนที่จะซื้อ ต้องเป็นกลุ่มคนที่เป็นพ่อแม่เด็ก ใช่มั้ยครับ
.
เราก็เลือกพื้นที่ก่อนเลยว่าเป็น thailand (อ้อ ขั้นตอนนี้ อย่าลืมลบ United states ที่เป็นค่า Default ก่อนนะครับ)
.
ส่วนอายุ ก็เลือกเป็น 30-45 (สมมุติว่าเป็นแบบนี้นะครับ)
เพศก็เลือกทั้งหญิง และ ชายไปเลย
.
อันดับต่อไป ก็คือ ใส่ interests ที่เราสนใจจะเลือกครับ
ใช้ทีละ 1 ก็พอครับ
.
เช่นเราจะใช้คำว่า “Pampers” ในการทดสอบ
หัวใจสำคัญที่เราจะใช้เช็ค ก็คือ ให้ดูตรงด้านขวา ที่เป็นคำว่า “Page Likes”
.
แล้วเลื่อนลงมาด้านล่าง
จะเห็นว่า นี่คือบรรดาเพจต่างๆ ที่กลุ่มเป้าหมายที่เราเลือกตามเงื่อนไขจากทางด้านซ้ายมือ
เขาชอบดูกัน
ลองดูครับ ว่า 10 เพจแรกที่เขาดูกันนั้น
มีความเกี่ยวข้องกับ สินค้า หรือ เนื้อหาที่เราต้องการให้เขาเห็นมั้ย?
ถ้ามีมากกว่า 5 ใน 10 เพจ
แสดงว่า interest นี่แหละ ใช่เลย!!
เก็บไว้
.
หรือถ้าจะดูข้อมูลอื่นๆ เพิ่มขึ้น เราก็จะเห็นในมุมอื่นๆ เพิ่มขึ้น
เช่น
– Demographic : จะบ่งบอกว่า กลุ่มคนเหล่านี้ เป็นเพศอะไร อยู่ช่วงวัยไหนเป็นพิเศษ ระดับการศึกษา ความสัมพันธ์ เป็นแบบไหน
– อาชีพการงาน : บ่งบอกหมดเลยว่า อยู่ในกลุ่มอาชีพใด มากกว่ากัน
Activity
กิจกรรมต่างๆ ของกลุ่มคนเหล่านี้ เขาทำอะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็น
– การกดไลค์เพจ
– การคอมเมนท์เพจ
– การกดไลค์โพสต์ต่างๆ
– และที่สำคัญคือการกดคลิกดูโฆษณา
การใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ
– ใช้มือถืออย่างเดียว – มือกับเดสก์ทอปร่วมกัน หรือ ใช้มือถืออย่างเดียว ทั้งนี้เพื่อเอาไว้พิจารณาว่า เราจะเลือก placement แบบไหนดี
ประเภทของ Device ว่าเป็นรุ่นไหน แบบไหน
– iPhone android คนกลุ่มนี้ชอบใช้อะไร เราจะได้เลือก placement ได้โดนใจ ประหยัดค่า ads ไปอีก
โอย รู้เยอะได้ขนาดนี้ ก็เป็นไอเดียแจ่มๆ ในการที่จะลงมือทำโฆษณาในครั้งต่อไป ให้ดีกว่าเดิม!!
.
จะรออะไรล่ะ
ลุยเลย!!
.
สำคัญสุดๆ ณ จุดนี้ครับ
หากชอบบทความนี้ อยากให้ช่วยกันกดไลค์ กดแชร์ กดคอมเมนต์กันนะคร้าบ 😉
.
ติดตาม เฟสบุ๊ค
https://www.facebook.com/digitalnook
.
line @digitalnook
http://bit.ly/digitalnook-line
ตำแหน่ง แสดงโฆษณา เฟสบุ๊ค ตรงไหนดีที่สุด?
ตำแหน่ง แสดงโฆษณา เฟสบุ๊ค ตรงไหนดีที่สุด?
คนที่ลงโฆษณาเฟสบุ๊ค อาจจะต้องคิดให้ดีกว่าเดิม
เพราะตำแหน่งของโฆษณานั้น มันมีหลายตำแหน่ง กว่าที่เราคิด
.
สมัยก่อนตอนเข้าวงการทำโฆษณาใหม่ๆ เราก็กด Boost Post จากหน้าเพจเลย
สะดวกดี เพราะมันเด่นเด้งสะดุดตา หาอะไรมาเทียบไม่ได้
แรกๆ มันก็ทำงานดีนะ
แต่หลังๆ คนใช้งานเพิ่มมากขึ้น เราเลยรู้จักเรียนรู้ว่า
มันมี ตัวจัดการโฆษณา ที่ละเอียดขึ้นมากกว่าเดิม
.
ซึ่งเราสามารถปรับมันได้แบบสุดๆ
ยิ่งกว่าที่เคยทำจากหน้าเพจ ซะด้วย
.
และที่สำคัญไปกว่านั้น มีอีกเรื่องที่เราสามารถปรับได้
นั่นคือ ตำแหน่งการแสดงโฆษณานั่นเอง
.
ภาษาอังกฤษที่เราจะเห็นในหน้าจอ ads manager จะเขียนว่า placement นั่นเอง
ซึ่ง Default ทาง facebook จะตั้งค่าให้แสดงในทุกตำแหน่งที่มี ไม่ว่าจะเป็น
– facebook / instagram / messenger / instant article
ขึ้นหมดครับ!!
.
แต่วันนี้ เราจะมาเลือกตำแหน่งที่เหมาะสม สำหรับโฆษณาของเรากันครับ
.
โดยหลักการง่ายๆ ที่เราจะเลือกตำแหน่งแสดง
นั่นคือ
.
เราใช้ facebook แล้วมองเห็นตำแหน่งบ่อยๆ
ก็ให้เลือกพื้นที่นั้น
อันไหนที่ไม่ค่อยได้ชายตาไปมอง ไม่ต้องไปเลือกครับ
.
อะเรามาดูกันเลยว่า ตำแหน่ง แสดงโฆษณา เฟสบุ๊ค ที่ดีนั้นอยู่ตรงไหนกันบ้าง ว่าแล้ว มาเลย
.
1. Feed
ตำแหน่งนี้ คือตำแหน่งยอดฮิตของเราทุกคน เพราะเวลาเปิด facebook ขึ้นมา เราไถจอมือถือขึ้นลง
ดูเรื่องราวชาวบ้าน ชาวเมือง แล้วเห็นโฆษณาขายของ ขายบริการที่เราชอบ
และเกิดการซื้อขายกัน ก็ตำแหน่งนี้แหละ
.
อันนี้แหละครับ ที่เราเรียกว่า Feed
และ Feed ที่ดีที่สุด คือ Feed บน Mobile
เพราะคนเราใช้ Facebook ผ่านมือถือ บ่อยสุดๆ
.
ดังนั้น จึงต้องเลือกพื้นที่นี้ ในการทำโฆษณาเป็นหลัก
ไม่เลือกไม่ได้
.
2. Messenger
อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ ที่เราใช้งานกันเป็นประจำ
จะแชท จะคุยกับเพื่อนฝูง
จะอินบ๊อกซ์ ซื้อขายของ กับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์
เราใช้ผ่าน Messenger กันใช่มั้ยครับ
.
แล้วลองสังเกตุมั้ย ว่า ระหว่างข้อความของเรากับคู่สนทนา
มันจะมีโฆษณามาปรากฏตรงนี้ด้วย
นี่แหละ คือตำแหน่ง ที่สายตาของเราจะเห็นอยู่บ่อยๆ
.
และจากที่ลองลงโฆษณา แบบทักแชท
ลูกค้าก็มักจะมาจากตำแหน่งนี้ครับ
แจ่มๆๆ
.
3. Instagram
ถ้าโพสต์ของคุณคือภาพเดี่ยว หรือ วิดิโอความยาวสั้นๆ
แล้วมีความสวย ความมุ้งมิ้ง ความน่ากิน น่าดื่ม น่าเที่ยว น่าไป
น่าซื้อหา
.
การเลือกตำแหน่งแสดงใน Instagram ก็เป็นทางออกที่น่าสนใจทีเดียว
แต่หากสินค้าคุณ เป็นบริการหนักๆ เป็นอาหารเสริม
อันนี้ อาจจะต้องลองทดสอบด้วยตัวเองแล้วครับ
ถ้าดี ก็เปิดต่อ ไม่ดี ก็ปิดไป
.
4. instant article – Audience Network
รู้หรือไม่ ว่านอกเหนือจาก Facebook และ Instagram แล้ว
โฆษณาของเรา ยังสามารถไปโผล่ในเว็บไซต์ต่างๆ ได้
เขาเรียกว่า Audience Network
.
ถ้านึกไม่ออก ให้นึกถึงเว็บไซต์ต่างๆ ที่เราไปเข้า แล้วไม่เกี่ยวกับ Facebook เลยนะ
แต่มี Banner Sponsored ขึ้นมาให้เราเห็น
.
ถ้าสมัยก่อน ก็จะมีแค่ Google ที่ทำ adsense
แต่ตอนนี้ Facebook พยายามสร้างเครือข่ายโฆษณาของตัวเองออกไปมากกว่าเครือข่ายของตัวเอง
ก็เลยกลายมาเป็น Audience Network
.
หากใครเห็นลิงค์ข่าว ที่มีรูปสายฟ้าใกล้ๆ แล้วเปิดไปอ่านได้เร็วๆ
และมี Banner ปรากฏขึ้นมา อันนี้คือ ตำแหน่งแสดงโฆษณาของคุณใน Audience Network
.
สำหรับตำแหน่งอื่นๆ ที่ไม่กล่าวถึงนั้น
อยากให้ลองทดสอบด้วยตัวเอง
เพราะบางครั้ง ตำแหน่งที่คนไม่สนใจเลย
แต่ อาจจะมีบางคนที่ยังสนใจ เหลือบไปเห็น
.
หรือขอให้มีเยอะๆ เพื่อสร้างการมองเห็นจำนวนมากๆ
ก็เป็นทางเลือกที่คุณทำได้
.
แต่ทั้งหมดนี้ ต้องทดสอบทดลองทำเองจนเข้าใจนะครับ
เพราะอ่านอย่างเดียว
.
จะไม่รู้เรื่องจ้า
.
ชอบกดไลค์ ใช่กดแชร์
กดติดตามกันได้นะคร้าบ
Facebook
facebook.com/digitalnook
.
line @digitalnook
https://line.me/R/ti/p/%40digitalnook
.
inbox
https://m.me/digitalnook
กินอยู่ทั้งเดือนอย่างไร ด้วยเงินเพียง 17 บาท
กินอยู่ทั้งเดือนอย่างไร ด้วยเงินเพียง 17 บาท
.
ถ้าใครได้ฟังประโยคนี้
อาจจะคิดว่า นี่คือรายการเกมโชว์ แข่งขันประหลาดๆ ที่ญี่ปุ่นหรือเปล่า
คำตอบคือ..
ไม่ใช่
.
ที่น่าตกใจกว่า คือเรื่องจริง
ที่ได้ฟังมาจากการไปสัมมนา กับมันนี่โค้ช วันนี้
.
เป็นเรื่องของพยาบาลหญิงท่านหนึ่ง
ที่เงินเดือนประมาณ 10,000 กว่าบาท
แต่เงินเดือนของเธอ ถูกหักออกไปด้วยการจ่ายหนี้สหกรณ์
การจ่ายหนี้อื่นๆ จนเหลือเงินแค่ 17 บาท
.
17 บาทกับการใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ทั้งเดือน
.
สุดประหลาด และ อเมซิ่งจริงๆ
.
เมื่อถามว่า อ้าวแล้วแบบนี้ จะใช้ชีวิตอย่างไร
จะกินข้าวอย่างไร
.
เธอตอบว่า เรื่องอาหารการกิน ก็อาศัยจากกับข้าวผู้ป่วยในโรงพยาบาล
ไม่ใช่ว่าเธอจะไปเอาห้องคหกรรมนะ
แต่อาศัย ตอนที่ดูแลผู้ป่วยใน แล้วเค้าเหลือ หรือ ไม่กิน
.
ซึ่งหากมีเหลือจากผู้ป่วยหลายคน ก็จะเอาใส่ถุงกลับบ้าน
ไปให้ที่บ้าน ซึ่งมีลูก กับ สามีรออยู่
.
ถุงแรก สำหรับลูก
อีกถุง คือส่วนของเธอกับสามี
ที่อยู่บ้าน..แต่ไม่ได้ทำงาน
(ในนี้ไม่มีรายละเอียดอะไร ว่าทำไมสามีไม่ทำงาน)
.
การแก้ปัญหาของเธอ คงจะหนีไม่พ้นการไปกู้ยืมเงินจากเพื่อน
ซึ่งเป็นการกู้นอกระบบ และคิดดอกเบี้ยร้อยละ 30 ต่อเดือน
.
ชีวิต ดูจะหาทางออกไม่ได้แล้ว
.
จนกระทั่ง มีแนวคิดหนึ่งจากมันนี่โค้ช
หากเราไม่มีเงินแบบนี้ จะมีวิธีอะไร ที่เราหาเงินได้มากกว่านี้บ้าง
.
ทำกับข้าวเป็นมั้ย
ลองทำง่ายๆ สัก 1-2 เมนู แล้วเขียนใส่กระดาษเอาไว้
แล้วคัดลอกเป็นหลายๆ แผ่น
.
ส่งไปให้แต่ละแผนกว่า
ถ้าใครอยากได้ข้าวเช้า อุดหนุนได้นะ กล่องละ 20-30 บาท
.
ซึ่งหากใครอยากกิน ก็สามารถจ่ายเงินก่อนได้
แล้วเธอก็เอาเงินไปซื้อของมาทำข้าวกล่อง ขายให้เพื่อนได้
มีกำไร สะสมเอาไว้ วันละเล็ก วันละน้อย
.
บางส่วนก็ทำเก็บไว้กินเอง ที่บ้าน
.
เธอจึงเอาแนวคิดนี้ไปใช้ทันที..
.
เวลาผ่านไป มันนี่โค้ช
กลับไปเจอเธออีกครั้ง
ครั้งนี้ สีหน้าเธอดูดีขึ้น สดใสมากขึ้น
.
เพราะเหตุการณ์ครั้งก่อน ได้เปลี่ยนให้เธอมีรายได้เพิ่มขึ้น จากการขายข้าว
และล่าสุดเธอขอเจรจากับทางโรงพยาบาลว่า
ขอตั้งโต๊ะ เป็นกรณีพิเศษ เพื่อขายขนมเล็กๆน้อยๆ เพื่อสร้างรายได้
.
กระแสเงินสดของเธอดีขึ้น
เพราะเกิดการลงมือทำ
อะไรที่ทำแล้ว แก้ปัญหา เรื่องการเงินได้
เธอทำทันที
.
ไม่มีข้อสงสัยใดๆ
.
จากเรื่องจริงที่ได้ฟังนี้ ให้ข้อคิดอะไรบางอย่าง กับเราบ้างมั้ย?
.
สำหรับผม ผมคิดว่า
การที่เราเอาแต่หนีปัญหา หรือ บ่นเรื่องปัญหาชีวิตตัวเองในเฟสบุ๊คอย่างเดียว
โดยไม่ได้ลงมือทำอะไร.
.
หวังผลลัพธ์ที่ดีขึ้นกว่าเดิม โดยใช้วิธีการเดิมๆ
แล้วก็บ่นว่า ชีวิตไม่มีอะไรดีขึ้น
เบื่อหน่าย ชีวิต!!
.
นั่นคือการเสียเวลาโดยใช่เหตุ
.
หากยังทำอยู่
ให้เอาเวลาเหล่านั้น มาลงมือทำสิ่งที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของเราได้
เพราะการหารายได้เพิ่มนั้น มีหลายแบบ
ตามความถนัด ความชอบ และ ความมุ่งมั่นของเรา
.
อะไรที่เราโฟกัส หรือลงมือทำอย่างต่อเนื่อง
จะเกิดผลลัพธ์ขึ้นมา
เริ่มต้นจากหลักหน่วย หลักสิบ หลักร้อย
แล้วค่อยๆ ขยับไปหลักหมื่น หลักแสน
.
แต่ปัญหาของเราคือ
มักจะหวังเห็นหลักหมื่น หลักแสนตั้งแต่วันแรก
.
เศรษฐีเงินล้าน
ยังเริ่มต้นมาจากการทำงาน และ สะสมเงินหลับสิบ หลักร้อยมาก่อนทั้งนั้น
.
สำคัญที่สุดคือ วันนี้ คุณลงมือทำหรือยัง
.
ใครที่ทำแล้ว ลงมือแล้ว วันนี้ ขอเป็นกำลังใจ และเอาใจช่วย ให้ทุกคนมีชีวิตที่ดีขึ้น
ใครที่คิดแล้ว ขอให้ลงมือทำ
ทำทันที
.
เพราะสิ่งที่เรียกกลับมาไม่ได้ คือ เวลา
เรามีเงินซื้อนาฬิกาได้นะ แต่ซื้อเวลาไม่แน่นอน
.
คงไม่มีเทคนิคพิเศษในการกินอยู่อย่างไร ทั้งเดือน ด้วยเงินเพียง 17 บาท
มีเพียงแนวคิดดีๆ ในการหาเงินเพิ่มจาก 17 บาท ให้มากกว่าเดิม
.
ส่วนจะได้มากเท่าไร?
ขึ้นกับตัวคุณเอง
.
ทำทันที ครับ
#digitalnook
3 เทคนิค โฆษณาเพิ่มคนติดตามเพจ แบบคุณภาพ ในราคาประหยัด ทำได้แบบนี้นี่เอง
3 เทคนิค โฆษณาเพิ่มคนติดตามเพจ แบบคุณภาพ ในราคาประหยัด ทำได้แบบนี้นี่เอง
สิ่งที่คุณจะได้เรียนรู้ คือ
1. เอา content ที่ดีมาทำโฆษณา
2. บอกให้คนกดติดตาม หรือ ไลค์เพจ ในโพสต์นั้น
3. ใช้เงินที่เท่ากัน ระยะเวลานานกว่า จะได้ผลดีกว่า
หลายๆคนตอนนี้ อาจจะมีปัญหา จะเพิ่มคนติดตามเพจของเราได้ยังไงกันนะ?
ปัญหานี้ เหมือนจะง่าย แต่พอทำแล้วก็ยาก
เพราะมันต้องโฟกัสว่าคนที่จะติดตามเราคือใคร
แล้วอะไรที่เขาชอบล่ะ?
หลักการของมันไม่ต่างไปจากการทำโพสต์ Content เลยครับ
ทำ Content ให้ดียังไงเราก็ทำแบบนั้นกับการทำโฆษณาเพิ่มคนติดตาม
แต่เพื่อไม่ให้เสียเวลานะมาฟังเทคนิคจากประสบการณ์ตรงกันเลยดีกว่า
1. เอา content ที่ดีมาทำโฆษณา
Content ที่ดีในโพสต์ของเรา
มักจะมี reach engagement like share ที่ดี
แม้ไม่ได้โฆษณา
แค่เพิ่มเรื่องขับเคลี่่อนด้วยเงินเล็กๆน้อยๆ ก็จะทำให้คนเห็นมากขึ้น
เหมือนกันเลย!!
กับโฆษณาเพิ่มคนติดตาม
ถ้า Content ไหนดี มีคนสนใจ
เราเอามาสร้างแบบเพิ่มคนติดตาม ก็จะได้ผลลัพธ์ที่ดีไม่ต่างกัน
ส่วนเนื้อหาที่เราทำ ก็ควรเป็นความสนใจ
ของ”กลุ่มเป้าหมาย” ที่เราอยากได้ด้วยนะ!!
อ้อที่สำคัญ อยากได้คนกลุ่มไหนมาติดตาม ก็เลือกกลุ่มเป้าหมายนั้นมาดูโฆษณาของเราด้วยละเอ้อ!!
2. บอกให้คนกดติดตาม หรือ ไลค์เพจ ในโพสต์นั้น
พฤติกรรมของคนส่วนใหญ่
ชอบให้คนมาบอก ให้ทำ ส่วนใหญ่ไม่ทำเอง
คำพูดที่ชวนให้เกิดการกระทำ
จะทำให้เขา บรรลุภารกิจได้ง่ายกว่าเดิม
กดติดตามเลยนะคะ
กดเป็นเพื่อนกันได้เลยค่า เพื่อ บลาๆๆๆๆๆ
ฝากกดติดตามกันด้วยน้า
เป็นการขอร้องให้เขาเห็น แล้วลงมือทำอะไรบางอย่างทันที
จะดีกว่าการขึ้น ภาพ หรือ วิดิโอ โฆษณาเฉยๆ
3. ใช้เงินที่เท่ากัน ระยะเวลานานกว่า จะได้ผลดีกว่า
เทคนิคอันนี้ เกิดมาจากการสังเกตุของผมเอง
นั่นคือ ถ้าเราใช้งบประมาณที่เท่ากัน เช่น 3,000 บาท
ในระยะเวลา 1 เดือน กับ 1 สัปดาห์
ผลลัพธ์ที่ได้ จะแตกต่างกัน
นั่นคือ 1 เดือน จะมีการเฉลี่ย ค่าใช้จ่ายได้ดีมากกว่า
ดังนั้น ไม่ควรอัดเงิน ในระยะเวลาสั้นๆ
ไม่ว่าจะทำโฆษณาแบบไหนก็ตาม
ถ้าจำเป็นเพราะระยะเวลาจำกัด
ให้ซอยย่อย campaign ออกมาเยอะๆ ครับ
ไม่เชื่อลองดูสิครับ!!
ลิงค์ส่องโฆษณาเพจชาวบ้าน ไม่ได้หายไป แต่มันมาอยู่ ตรงนี้นี่เอง!
ลิงค์ส่องโฆษณาเพจชาวบ้าน ไม่ได้หายไป แต่มันมาอยู่ ตรงนี้นี่เอง!
.
สำหรับนักโฆษณา การตลาดที่อยากดูไอเดียการทำโฆษณาของเพจคู่แข่ง
เพื่อดูว่าเขาทำอะไร เขียนแบบไหน เขียนอย่างไร
หรือมีความเคลื่อนไหนแบบไหนอยู่
.
ก็จะเปิด Browser เข้าไปในเพจนั้นๆ (ใน version Desktop)
กด link ที่ชื่อว่า “info and ads” หรือ “โฆษณา”
เราก็จะได้เห็นโฆษณาแล้ว
เราเรียกกันว่า “ลิงค์ส่องโฆษณา”
.
แต่ตอนนี้ (พ.ค. 2562)
facebook มีการปรับเปลี่ยน หน้าตา interface ไปอีกครั้ง
ลิงค์ซึ่งเคยอยู่ มันหายไป!!
.
หลายคนก็ตกใจว่า เอ้า มันหายไปไหน
บางคนดีใจ เออ ดี จะได้ไม่มีใครมา copy ความคิดฉันไปง่ายๆ
บางคนเสียใจ ว้า เราจะไปหาไอเดียจากไหนเนี่ย!
.
อย่ากระนั้นเลย!
เพราะจริงๆ facebook เขาเพียงแต่ปรับเปลี่ยน ที่อยู่ของ info and ads ไปเท่านั้นเองครับ
.
ให้มันไปอยู่รวมกันกับ Page Transparency หรือ ความโปร่งใสของเพจ
ในนี้เขาจะรวมเอาข้อมูลเบื้องต้นของเพจเอาไว้ทั้งหมด
ตั้งขึ้นมาเมื่อไร
เปลี่ยนชื่อไปกี่ครั้ง
มีการรวมเพจ อะไรเข้ามาบ้าง
รวมทั้งโฆษณา ที่เพจทำขึ้นมา เขาเอามาใส่รวมกันในนี้
เรียกว่า “Ads From This Page”
.
สามารถกดเข้าไปดูได้โดยการกดที่ ลิงค์ “View in Ad Library”
.
เท่านี้ เราก็จะเห็นโฆษณา ที่เพจนั้นกำลัง Run อยู่ ออกมาเรียงรายเต็มหน้ากระดานเลยจ้า
แถมสวยงาม ดูง่ายกว่าเก่า
แต่ถ้าเพจไหนไม่ยิงแอด
ก็ไม่เห็นนะจ๊ะ
แจก ลิงค์ส่องโฆษณา ไปแล้ว ก็นำไปใช้กันนะจ๊ะ
.
และที่สำคัญที่สุด
ชอบกดไลค์ ใช่กดแชร์
.
แล้วเจอกันครั้งต่อไป นะ 😉
.
Facebook
https://www.facebook.com/digitalnook
.
line @digitalnook
.
inbox
https://m.me/digitalnook
.
Youtube
https://www.youtube.com/channel/UCyQ_MC0JA3CYoA1bgkDpFow?sub_confirmation=1
Look a like Audience โคลนนิ่งกลุ่มเป้าหมาย ได้ลูกค้าใหม่ เหมือนคนที่เราต้องการ
Look a like Audience โคลนนิ่งกลุ่มเป้าหมาย ได้ลูกค้าใหม่ เหมือนคนที่เราต้องการ
ผ่านกันไปแล้ว สำหรับ การเรียนรู้ เรื่องกลุ่มเป้าหมาย แบบ Core Audience และ Custom Audience
ใครที่ยังไม่ได้ผ่านหู ผ่านตามาแล้วล่ะก็ ขอแนะนำให้ไปอ่านกันนะครับ
เพราะว่าทั้งสองกลุ่มเป้าหมายที่ว่านั้น คือต้นกำเนิด ของกลุ่มเป้าหมายแบบนี้ นั่นเอง
สมัยก่อน เมื่อย้อนไปสัก 10 ปี
มีวิทยาการที่เรา ตื่นตาตื่นใจ กันแบบสุดๆ นั่นคือ การโคลนนิ่ง
เคยเห็นข่าวมั้ย ที่เขาโคลนนิ่งแกะ ออกมา เป็นข่าวฮือฮา
จนมีคนสร้างหนังแอ็คชั่นสุดมันส์ ออกมาหลายเรื่อง เกี่ยวกับการโคลนนิ่ง
พระเอกมีสองคน ซึ่งคนที่โดนโคลนนิ่งออกมา ดันมีนิส้ยเป็นตัวร้าย
เลยกลายเป็นหนังแอคชั่นมันส์ๆ ให้เราดูกัน
แต่นั่นคือเรื่องของจินตนาการ
เพราะการโคลนนิ่งในวันนี้ มีอยู่จริง และจัดให้โดย Facebook
Facebook ไม่ได้ทดลองสร้างแกะ หรือ มนุษย์ โคลนนิ่ง ให้ออกมาเหมือนต้นฉบับ
แต่ได้ โคลนนิ่ง กลุ่มเป้าหมาย ที่มีพฤติกรรม หรือ ความชอบ เหมือนกับกลุ่มเป้าหมายประเภท Custom Audience ครับ
อย่างที่ได้อธิบายไปว่า Custom Audience มาจากฐานข้อมูล และ พฤติกรรมของเขา
ซึ่งพฤติกรรมที่ดีงามสุดๆ นั่นคือ คนที่เข้ามาซื้อของจากเรา
ถ้าเราโคลนนิ่งกลุ่มเป้าหมาย ที่ชอบซื้อสินค้า หรือ บริการของเรา ได้
เวลายิงแอดออกไป ก็จะประหยัดลง และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
แต่กลุ่มเป้าหมายที่เราจะนำมาโคลนนิ่งนั้น ต้องดีด้วยนะเออ
ถ้ามาแบบมั่วๆ เราก็จะได้ ผลลัพธ์มั่วๆ เช่นกัน
การโคลนนิ่งนี้แหละ ที่เราเรียกว่า กลุ่มเป้าหมายแบบ Look a like Audience
(ที่มาของชื่อ ก็คือแบบนี้นั่นแล)
การโคลนนิ่ง กลุ่มเป้าหมาย ที่ดี จะสร้างจากกลุ่มเป้าหมายแบบ custom audience ประมาณ 1000 คนขึ้นไป
ซึ่งเราสามารถขยายออกมาได้เป็น 530,000 คน!
กำลังดีเลยนะครับเนี่ย!!
ดังนั้นครั้งต่อไป ถ้าเราจะยิงแอด ก็อยากให้ใช้เครื่องมือ กลุ่มเป้าหมายให้ครบครัน
เพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาแล้ว ล้วนดีเสมอ
หลักคิดที่ต้องจำไว้อย่างเดียว นั่นคือ
เราจะมีผลลัพธ์ที่ดีได้ ต้องเริ่มมาจากกลุ่มเป้าหมายตั้งต้นที่ดี เท่านั้น
หวังว่าบทความนี้ จะเป็นไอเดียให้เรา ไปทดลองทำกลุ่มเป้าหมายทั้งสามแบบ ให้เกิดผลลัพธ์ที่ดี ต่อโฆษณาและกิจการของเรากันนะครับ
และที่สำคัญที่สุด
ชอบกดไลค์ ใช่กดแชร์
แล้วเจอกันครั้งต่อไป นะ 😉
Facebook
facebook.com/digitalnook
line @digitalnook
inbox
https://m.me/digitalnook
Youtube
https://www.youtube.com/channel/UCyQ_MC0JA3CYoA1bgkDpFow?sub_confirmation=1
custom audience กลุ่มเป้าหมาย กำหนดเอง ตามความพอใจ ทำได้แบบนี้นี่เอง
custom audience กลุ่มเป้าหมาย กำหนดเอง ตามความพอใจ ทำได้แบบนี้นี่เอง
หลังจากที่เราได้เรียนรู้ ทำความรู้จัก กับกลุ่มเป้าหมายหลักของ Facebook หรือ Core Audience ที่ได้กล่าวไปเมื่อวาน
ถ้าสนใจอยากเรียนรู้ ก็เข้าไปอ่านย้อนหลังกันได้นะครับ
เพราะเขียนให้เข้าใจกันแบบง่ายๆ
หากกลุ่มเป้าหมายหลัก หรือ core audience คือสิ่งที่ facebook จัดสรรมาให้ จากพฤติกรรมของคนใช้งาน facebook
กลุ่มเป้าหมายที่เรากำลังพูดถึงตอนนี้ ก็คือ
Custom Audience หรือกลุ่มลูกค้าที่ เราสร้างขึ้นมาเอง จากข้อมูลของลูกค้า
กำหนดเอง อยากทำอะไร ก็จัดไปเอง
ข้อมูลลูกค้า มีอะไรบ้าง ที่เราเอามาทำ Custom Audience ได้?
ข้อมูลที่เรานำมาทำ Custom Audience นั้นมีหลายแบบ ตั้งแต่
– การมีส่วนร่วมกับเพจของเรา
ไม่ว่าคนติตดามเพจของเรา จะทำอะไร จะคลิก จะดู จะกดอะไรก็ตามในเพจของเรา หรือแม้แต่การ inbox มาพูดคุยกับเรา
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นกิจกรรม ที่ทำให้รู้ว่าเขาชื่นชอบเรา หรือ มี engagement ร่วมกับเรา
หากใครมีกิจกรรมแบบนี้ ถือว่าเขาคือ Warm Market ที่สามารถ เปลี่ยนเป็นลูกค้าได้ไม่ยากแล้วจ้า!!
– อีเมล์ : อีเมล์ลูกค้า
จะดีแค่ไหน ถ้าเราเอาอีเมล์ของลูกค้ามาเป็นทำเป็นกลุ่มเป้าหมาย เพื่อยิงโฆษณาไปหาเขาได้
เพราะเรารู้แล้วว่า เขาชื่นชอบเรา การยื่นข้อเสนอ หรือ ทำให้เขาเห็นเราบ่อยๆ จึงทำให้มีโอกาส จะปิดการขายได้ง่ายขึ้น
เหมือนเพลง “น้ำหยดลงหิน ทุกวันหินมันกร่อน”
เห็นบ่อยๆ เจอบ่อยๆ ถ้าไม่รำคาญกันไปเสียก่อน ก็จะ ซื้อเราเข้าสักวันแน่ๆ
แล้วทำไมอีเมล์ถึง ทำได้ล่ะ?
นั่นเป็นเพราะว่า การสมัครใช้ facebook ทุกคนจะต้องมี อีเมล์ หรือ เบอร์โทร อยู่เสมอ นั่นเอง
ถ้าข้อมูลอีเมล์ลูกค้า ตรงกับ facebook ละก็
เราก็จะได้กลุ่มเป้าหมายจากอีเมล์นั้นมาเลยจ้า!
(ถ้าเป็นเมล์องค์กร ไม่น่าจะทำได้นะ เพราะไม่ค่อยจะเห็นใครเอาเมล์องค์กรมาสมัครเล่น facebook!!)
– เบอร์โทร
เบอร์โทร ก็เป็นหลักการเดียวกับ อีเมล์ครับ ดังนั้นจึงเข้าใจได้ไม่ยาก
– การรับชม video
วิธีนี้ เป็นการไปรวบรวม เอาคนที่เคยดู video ของเรา ซึ่งยังแบ่งไปอีกว่า ดู 3 วินาที 5 วินาที หรือ 10% 20% ของเวลาทั้งหมดออกมาด้วย / คนที่ดู video ของเรานานๆ แสดงว่าเขาชอบ สิ่งที่เรานำเสนอ ดังนั้น จึงถือว่า เป็นการทำกลุ่มเป้าหมายที่แม่นยำมากขึ้น
ลองจินตนาการว่า ถ้าเราทำคลิปไก่ชนขึ้นมา คนที่ดูคลิปไก่ชนนานๆ แสดงว่าเขาต้องชอบมันจริงๆ
ถ้าเราทำโฆษณา ยาชูกำลังไก่ชน หรือ อะไรที่เกี่ยวข้องกับไก่ชน ไปหาคนกลุ่มนี้
เขาย่อมตอบรับสิ่งที่เราส่งไปให้ มากกว่าคนอื่นๆ
เห็นภาพมั้ยครับ?
– คนที่ inbox มาหาเรา
ถ้าเรามีคน inbox มาสักพันคน แล้วเราทำโฆษณาไปหาคนเหล่านี้อีกครั้งได้
เขาก็ย่อมมีโอกาส ที่จะซื้อของๆ เรามากขึ้นกว่าคนอื่นๆ จริงมั้ยครับ
แต่เด็ดกว่านั้น หากเพจของใคร ฟังก์ชันบรอดแคสท์ หรือยิงข้อความไปหาลูกเพจได้ละก็
ทำเลยจ้า!! อันนี้ ตรงๆ เนื้อๆ เน้นๆ
แต่อาจจะรำคาญได้ ถ้าคุณส่งแต่การขายของ
ดังนั้น เขาจึงมักส่งเนื้อหา ดีๆ ทีน่าสนใจไปแทน
ถ้าเป็นเรา มีแต่คนส่งโฆษณามาให้ เราจะยังกดไลค์ กดติดตามเพจนั้นหรือเปล่า?
จริงๆ ยังมีเรื่องของคนดู canvas แต่บ้านเราไม่ค่อยนิยมเท่าไร จึงขอไม่กล่าวไว้ ณ ที่นี้นะครับ
เพราะหลักการจะเหมือนกันหมดเลยจ้า
คนที่เคยเข้าเว็บไซต์ของเรา
– อันนี้ เป็นการสร้างกลุ่มเป้าหมายใน ขั้นสูงขึ้นมา ซึ่งคุณต้องมีเว็บ และต้องใช้งานร่วมกับสิ่งที่เรียกว่า pixel code ด้วย
จำเอาไว้ว่า มันเป็นเหมือนสปาย ที่จะเข้าไปเกาะติด คนที่เข้าเว็บคุณ
เข้ามา 1 คน ก็คือเกาะติดไป
เข้ามาอีก 1 คนก็เกาะติดไป
พอได้เวลาก็ส่งโฆษณาไปหาคนเหล่านั้นได้เลย
เหมือนตอนเราเข้า agoda booking lazada พอออกมา
ก็มีโฆษณาห้องพัก หรือสินค้าที่เราเพิ่งดู ใน facebook!!
และเด็ดสุดๆ เร็วๆนี้ facebook จะให้เราสร้าง custom audience จาก facebook group แล้ว
โดยมีข้อแม้ว่า คุณต้องเป็น admin ของ group นั้นนะ
แต่ ณ ปัจจุบัน ยังไม่มีข้อมูลออกมามากนัก ผมเลยไม่สามารถจะเอาตัวอย่าง หรือ กล่าวได้มากกว่านี้ครับ
(หากทำได้จริงๆ มันจะเจ๋งมากๆ เลยนะครับ รอๆๆๆ เฝ้ารอกันไป May 2019)
พอเราได้กลุ่มเป้าหมายที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมต่างๆ นานๆ ของลูกค้ามาแล้ว หน้าที่ของเราก็คือ
การยิงโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมายนี้
ซึ่งสามารถเลือกได้จาก saved audience ใน Ad Set นะคร้าบ
เขียนมายืดยาวแบบนี้
ถ้าเข้าใจง่าย หรือ ไม่ค่อยเข้าใจ
สามารถ comment กันมาได้นะครับ
และที่สำคัญที่สุด
ชอบกดไลค์ ใช่กดแชร์
แล้วจะมา update เรื่องของกลุ่มเป้าหมายที่สำคัญ นั่นคือ
look a like audience จ้า
แล้วเจอกันครั้งต่อไป นะ 😉
.
Facebook
facebook.com/digitalnook
.
line @digitalnook
.
inbox
https://m.me/digitalnook
.
Youtube
https://www.youtube.com/channel/UCyQ_MC0JA3CYoA1bgkDpFow?sub_confirmation=1
หากลุ่มเป้าหมาย บน facebook ให้แม่นทำยังไง? คำถามยอดฮิต เฉลยแล้วที่นี่!!
หากลุ่มเป้าหมาย บน facebook ให้แม่นทำยังไง?
มาเลย! ตรงนี้ มีคำตอบ!
ถ้าวันนี้ยังหาไม่เจอต้องอ่าน!
สำหรับวันนี้ การทำโฆษณา facebook เริม่จะกลายเป็นเรื่องปกติ สามัญชน คนแบบเราๆท่านๆ ก็สามารถทำได้แล้ว
เพราะเป็นประชาสัมพันธ์ ขายของ ขายสินค้า บริการที่เร็วที่สุด
กินเงินง่ายที่สุด
ถูกที่สุด
แต่ปัญหาหลักๆ ของคนยิงแอด ที่จะพบบ่อยๆ นั่นคือ
หากลุ่มเป้าหมายไม่แม่น หรือ หาไม่เจอ
แล้วเขาเหล่านั้นไปอยู่ไหนกันล่ะ?
ถ้าอยากหา กลุ่มเป้าหมาย บน facebook ให้เจอ
อันดับแรก คือ เราต้องเข้าใจว่า สินค้าหรือบริการของเรานั้น
แก้ปัญหาให้กับใคร?
เพราะสินค้าแต่ละแบบ จะแก้ปัญหาได้ดีสุดๆให้คนบางกลุ่มเท่านั้น
มีดโกนหนวด ก็มีไว้สำหรับ ผู้ชาย
ผ้าอนามัย มีไว้สำหรับแก้ปัญหาให้ผู้หญิงที่มีประจำเดือน
แล้วสินค้าของเรานั้น ตอบโจทย์ให้กับใคร
เขาอยู่ที่ไหน ของประเทศ
เขาเป็นชายหรือว่าหญิง
อายุเท่าไร
ชอบทำอะไรเป็นพิเศษ
มีลูกหรือยังไม่มี
พฤติกรรมในชีวิต ของพวกเขาเป็นยังไง?
การที่เรานึกภาพออก จะทำให้เอามาระบุในสิ่งที่เรียกว่า adset ได้ถูกต้อง
adset คือกลุ่มตัวอย่างของคนที่เราจะส่งโฆษณาไปหาเขานั่นเอง
- เพราะ adset มีการระบุ location ของกลุ่มเป้าหมาย เป็นพื้นที่ ถนน ตึก ประเทศ
- เพราะ adset มีการระบุความสนใจพิเศษของเขาเหล่านั้น มีทุกแบบ ไม่ว่าจะรุ่นรถ มือถือ เพลง หนัง งานอดิเรกต่างๆนาๆ กินข้าว กาแฟ ชอบความสวย ความงาม
- ผิวพรรณ ความอ้วน ความงาม เพียบ!
- เพราะ adset มีเรื่องของอายุ มาเกี่ยวข้อง เราเลยเลือกช่วงวัยของกลุ่มเป้าหมายได้
- เพรา adset มีเรื่องของเพศ เราจึงเลือกที่จะส่งโฆษณาไปให้ ชาย หรือ หญิง หรือทั้งสองก็ได้
- เพราะ adset มีเรื่องของพฤติกรรม อย่าง ชอบไปเที่ยวบ่อยๆ ชอบช้อปปิ้ง ชอบซื้อของออนไลน์
- เพราะ adset มีเรื่องของช่วงชีวิต คนแต่งงาน ได้งานใหม่ เรียนจบ กำลังหมั้น หรือกำลังจะถึงวันเกิด
พวกนี้มีหมดเลยครับ เรียกว่า adset
ซึ่ง facebook จะเรียนรู้จากสิ่งที่เราหยุดดู สิ่งที่เรากดดู คลิกไปหา ใน facebook นั่นเอง
ไม่ต้องมาเขียนบอกว่า BigBike แค่กดรูปภาพ Bigbike เข้าเพจ Bigbike สักเว็บ
facebook ก็จะส่งสิ่งเหล่านี้มาให้เราตลอดๆ เพราะเข้าใจว่าเราชอบ!!
ดังนั้นจึงตรงกลุ่มความสนใจ อย่างแน่่นอน
นั่นคือ กลุ่มเป้าหมาย บน facebook เบื้องต้น ที่ facebook ช่วยเรา หามาให้
เราเรียกกันว่า “Core Audience”
แต่ะผลตอบรับจะดีมากน้อย แค่ไหน
มันขึ้นกับเนื้อหาที่เราส่งมอบไปให้ กลุ่มเป้าหมายเหล่านี้ด้วยนะ
ถ้าเราเขียน Content ได้ดี น่าสนใจ และถูกจริตกับพวกเขา
มันก็ทำให้เกิด engagement ที่ดีขึ้น มากขึ้น เพราะมันเกี่ยวกับเขานี่ ทำไมจะไม่หยุดดูล่ะ!!
ซึ่ง Content ที่ดี จำไว้เลยว่า
มันคือ เนื้อหาที่ส่งมอบประโยชน์ พูดถึงคุณค่าที่เขาจะได้รับ
มากกว่า ประโยชน์ ที่เราจะได้จากเขา!
บางคนเขียนแต่ คุณสมบัติ ประสิทธิภาพของสินค้า หรือบริการ
โดยไม่ได้อิงอ้างถึง ประโยชน์ที่เขาจะได้รับ
ก็ไม่ต่างจากกระดาษ อธิบายสรรพคุณสินค้า
ที่เราไม่ค่อยสนใจนัก
ดังนั้น ถ้าอยากหากลุ่มเป้าหมายให้แม่น กว่าเดิม
สิ่งที่จะต้องทำคือ ควรรู้ว่า
- สิ่งที่เราขาย สิ่งที่เราทำ มันแก้ปัญหาให้ใคร?
- ใครที่มีปัญหานี้อยู่?
- คนเหล่านี้ มีการใช้ชีวิต เพศ วัย อะไร ชอบอะไร มีจังหวะชีวิตแบบไหน?
หากเรารู้ทั้งหมดแล้ว
ก็เป็นจุดเริ่มต้นของการทำโฆษณาของเรา!!
นี่คือ การหากลุ่มเป้าหมาย แบบ Core Audience
ซึ่งยังมี
– Custom Audience
– Look A Like
ที่มีความแตกต่างออกไป แต่น่าสนใจ และควรเรียนรู้ เอาไว้
หากจะมุ่งมั่นและ ใช้ชีวิตกับเส้นทางสายโฆษณา facebook!!
ชอบกดไลค์ ใช่กดแชร์!! เพื่อเป็นกำลังใจให้กันนะครับผม 😉
Facebook
facebook.com/digitalnook
.
line @digitalnook
.
inbox
https://m.me/digitalnook
.
Youtube
https://www.youtube.com/channel/UCyQ_MC0JA3CYoA1bgkDpFow?sub_confirmation=1
สร้างยอดขายหลักแสน แม้ไม่ต้องเสียเงินค่าแอดแม้แต่บาทเดียว ทำได้แบบนี้นี่เอง
สร้างยอดขายหลักแสน แม้ไม่ต้องเสียเงินค่าแอดแม้แต่บาทเดียว
เปลี่ยนแนวคิด ยิงแอดใหม่ เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น
สำหรับคนทำธุรกิจออนไลน์ ไม่ว่าจะด้านใดก็ตาม
ไม่ว่าจะขายของผ่านออนไลน์
สร้างแบรนด์ร้านค้าผ่านออนไลน์
ขายสินค้า digital ผ่านออนไลน์
ทุกวันนี้ เราล้วนแต่นึกถึงการโฆษณาผ่านสื่อต่างๆ ที่คนใช้อยู่
ไม่ว่าจะเป็นเฟสบุ๊ค ไลน์ adwords
ต่างๆนาๆ ที่ต้องเสียเงิน
ถูกครับ ที่ทำไป คือถูกต้อง ไม่ผิดเลย
เพราะว่าลงทุนไป ก็คือได้ยอดขายกลับมาเสมอ
แต่จะดีกว่ามั้ยครับ หากวันนี้
เราสามารถจะสร้างยอดขายได้ แม้ไม่ต้องจ่ายเงินค่าแอดแม้แต่บาทเดียว
วิธีการไปถึงฝั่งฝันนี้ ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถของคนมีความมุ่งมั่นอย่างเราๆท่านๆ
แนวคิดนี้ ไม่ใช่เรื่องใหม่
แต่เป็นการเปลี่ยนมุมคิดเล็กน้อยครับ
สิ่งนั้นก็คือ การเปลี่ยนลูกค้า จาก cold market ไปเป็น Hot Market
และ การเก็บฐานข้อมูลลูกค้าเอาไว้ให้มากที่สุด
cold Market และ Hot Market คืออะไร?
ไม่เกี่ยวกับตลาดสด กับ ตลาดในห้างที่เปิดแอร์เย็นๆ นะครับ 555
แต่เป็นเรื่องแบ่งประเภทลูกค้า ตามความสนใจ ความมีส่วนร่วมกับสินค้า หรือบริการของเรา
ถ้าเปรียบไป ก็เหมือนเวลามีคนแปลกหน้ามาเจอกันครั้งแรกล่ะครับ
แน่นอน ไม่รู้จักกันมาก่อน ไม่มีข้อมูล ไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง
ความสนใจอยากจะมอง ยังไม่มีด้วยซ้ำ
อันนี้ คือ cold market ครับ
การจะทำให้คนแปลกหน้า สนใจ หรือว่า เข้าใจเราได้ดีกว่าเดิม
ก็คือ ต้องมีท่าที ในการเจรจาพูดคุย หรือ มีมิตรภาพที่ดีให้แก่กัน
ไม่ว่าจะเป็นการ พูดเรื่องเดียวกัน พูดเรื่องที่เข้ากันได้ มีความเกี่ยวเนื่องกัน
งานอดิเรกเหมือนกันมั้ย เรียนสาขาเดียวกันมั้ย ชอบแนวเพลง ชอบออกกำลังกายเหมือนกันมั้ย
ถ้าจริตตรงกัน มันก็ไปกันได้
ก็จะค่อยๆ เปลี่ยน cold market ให้เป็น warm market
ซึ่งแน่นอน เมื่อเป็น Warm Market แล้ว รู้จักกันดีขึ้นแล้ว
โอกาสที่จะนำเสนอ ตัวเองในมุมอื่นๆ ก็จะเริ่มขึ้น
เริ่มเปิดใจรับฟังมากขึ้นกว่าเดิม และเชื่อไปในแนวทางเดียวกัน
พร้อมเปิดรับที่จะทำกิจกรรมอะไรร่วมกันได้
ถ้าไปทำกิจกรรมร่วมกันได้ขนาดนั้น ก็เข้าสู่ขั้นของ Hot Market แล้วครับ
เรียกว่า พร้อมไปเที่ยว ไปกิน ที่ไหนก็ได้
กอดคอกันไป พูดจากันตรงไป ตรงมา มองตาก็รู้ใจแล้ว
อันนั้นคือเรื่องของความสัมพันธ์ จากคนแปลกหน้า จนกลายมาเป็นเพื่อนสนิท
จาก cold market มาเป็น hot market
เห็นภาพมั้ยครับ?
ทีนี้ เรามาพูดถึงเรื่องการทำธุรกิจดีกว่า
cold market ก็หมายถึงวันแรก ที่สินค้าเรา เข้าหูคนซื้อ
เขาจะซื้อเราตั้งแต่วันแรกมั้ยครับ?
น้อยมาก ที่จะซื้อ เพราะไม่รู้จักเลย ความน่าเชื่อถือ ยังเป็นศูนย์
คนที่จะซื้อในขั้นตอนนี้ ได้ อาจจะมาจากราคา หรือ อยากทดสอบ อยากลอง ก็เป็นได้
แล้วเราจะทำให้ cold market เหล่านี้ ชอบเรามากกว่าเดิมได้ยังไง
สิ่งที่เราจะต้องระดมทำ ก็คือ
- สร้าง engagement ที่ดี ต่อเขาครับ
- ทำให้เขาเห็นว่าสินค้าหรือบริการของเรา ดีกับเขาอย่างไร แก้ปัญหาให้เขาอย่างไรขั้นตอนนี้ อย่าไปพูดแต่เรื่องของตัวเองนะครับ นึกถึงลูกค้าให้เยอะๆ ว่าเขาจะได้อะไร ก่อนจะไปเอาอะไรจากเขามา!!
- พอเห็นมากขึ้น เห็นว่า มีประโยชน์กับเขามากพอเขาก็จะหันมาสนใจเรา
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราจะขาย ครีมกันแดด
แทนที่จะเล่าให้เห็นว่ากันแดด ได้ดี มี SPF600++ มากมาย อธิบายไม่หมด
ป้องกัน UV ได้ 38 เท่าจากครีมปกติ
(อะไรของแกวะ)
แต่เราบอกว่า
ใช้ทุกครั้งก่อนออกแดด
หน้าจะเด็กลง ใสตลอดเวลา ใสจนสามีหลง แบบนึกว่าได้เมียใหม่อยู่ตลอดเวลา!
ครีมกันแดด นั้น ก็จะมีคุณค่าสำหรับเธอๆ เหล่านั้นมากพอ จนเหลียวมามองหน่อยซิ
ก็จะเปลี่ยนจาก cold market มาเป็น Warm Market ได้แล้ว
ซึ่ง Warm Market โดนกระตุ้นด้วยสิ่งนี้บ่อยๆ เห็นรีวิว เห็นคนใช้หลายๆคน คนใช้ได้ผล
มีผลลัพธ์ ก็พร้อมกระโจนมาหาเรา ด้วยการ inbox
นี่แหละครับ hot market ที่พร้อมจะซื้อแล้ว
เหลือแต่การปิดการขายของเรา ที่จะทำให้เขาไปต่อมั้ย?
ท้้งหมด นั่นคือ เรื่องของการเปลี่ยน cold market ไปเป็น hot market ครับ
ที่ต้องการให้แยกเป็นเพราะว่า
การสื่อสารไปยังลูกค้าแต่ละประเภท เราจะทำแตกต่างกันเสมอ
คนที่เป็นลูกค้าอยู่แล้ว ไม่ต้องมานั่งฟังอะไรมาก
เขาพร้อมซื้อซ้ำได้อยู่แล้ว เมื่อของหมด
สิ่งที่เขาอยากฟังคือ มีโปรมั้ย มีส่วนลดมั้ย
ไม่ได้ต้องการฟัง ความดีงามของสินค้าเราอีกรอบ
เห็นภาพชัดขึ้นมั้ยครับผม
และตอนนี้ ก็มาถึง step ที่จะบอกให้ฟังถึง การสร้างยอดขายหลักแสน แม้ไม่ต้องเสียค่าแอด แม้แต่บาทเดียว
เป็นไปได้ครับ แต่อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นตั้งแต่วันแรกที่เราลงมือทำ
แนวคิดนี้ คือ การที่เราต้องเริ่มสะสมลูก รายชื่อ
หรือเอาง่ายๆ ก็คือ รายชื่อลูกค้า เบอร์โทร อีเมล์ นั่นเอง
ทำอย่างไรก็ได้ ให้มีฐานข้อมูลเหล่านี้ มาไว้มากที่สุด
แล้วก็จัดแบ่งประเภทของกลุ่มคนเหล่านี้ เอาไว้
ลูกค้าใหม่ที่ยังไม่ซื้อตอนนี้
ลูกค้าที่ซื้อแล้ว
ลูกค้าเก่าที่มีการซื้อซ้ำหลายๆครั้ง
วิธีการก็คือ
– การเก็บอีเมล์ เบอร์โทร
เพื่อแลกกับของอะไรบางอย่าง เช่น เป็นร้านเช่าเสื้อกันหนาว ก็แจก แผนที่เที่ยวญี่ปุ่น โดยแลกกับการลงทะเบียนลูกค้า
ร้านขายของสุขภาพ ก็แจก e-book อาหารสุขภาพลด 1 กิโล ใน 30 วัน
– การเก็บลูกค้าเข้า inbox facebook
สามารถเพิ่มคนเข้า inbox ด้วยการแลกเปลี่ยนเหมือนเมื่อกี้ แต่ว่า ให้ comment ใต้โพสต์ แล้วดึงเข้า inbox ด้วยเครื่องมือ growth tools ของ Chatbot ต่างๆ
อย่าง Manychat ที่เคยสอนไปใน Live ก่อนหน้า คลิกไปดูได้เลย
คัดแยกลูกค้าทั้งหมดให้เป็น cold market / warm market / hot market
ถ้าง่ายๆ ก็ไม่ต้องไปคิดอะไรครับ จดเข้าสมุดนี่แหละ แยกด้วยตัวเอง เป็นตารางก็ได้
หรือว่าจะ แยกด้วย excel แบบนั้น ก็เข้าที ทำง่ายๆ คัดแยกได้ดี
ถ้าเป็น Facebook inbox
ก็ใช้การ TAG ลูกค้าครับ ที่สามารถ ทำได้ง่ายๆ อิสระ อยากตั้งไรตั้งเลย ภาษาอะไรก็ได้ ที่เราเข้าใจเป็นพอ
หากเป็น Manychat ก็สามารถจะแยกได้ด้วยระบบ Tag ลูกค้า ทำง่ายครับ ดีมากๆ
เอาล่ะ พอเก็บข้อมูลได้มากพอแล้ว
วิธีการจัดการสร้างยอดขาย แบบไม่ต้องยิงแอดกันล่ะครับ
พอเรามีคนที่ซื้อของ ซื้อบริการของเราแล้ว
หากของเราดีจริง เราก็สามารถติดต่อไปหาลูกค้าได้เลยทันที
มีอีเมล์ ส่งอีเมล์
มีเบอร์โทร โทรไปหาได้
มีไลน์ ไลน์ไปหา
หากเป็น inbox ก็ส่งข้อความไปหาเลยจ้า
แต่ถ้าเพจใครไม่มี เครื่องมือส่งข้อความ ที่เรียกว่า broadcast ที่เป็นภาพโทรโข่ง ก็ต้องไปพึ่ง manychat นี่แหละครับ
เพราะส่งฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายเลย!!
ซึ่งส่งได้ทั้งข้อความ ภาพนิ่ง หรือ video ก็ได้
เจ๋งไปเลย!!
แต่ตอนส่ง พยายามส่ง เนื้อหาที่เขาอยากอ่านนะครับ
อย่าไปส่งโฆษณาอย่างเดียว
เพราะ facebook ไม่ชอบ เดี๋ยวเขาจะ block เรา
ซึ่งการส่งข้อความ ไปหาลูกค้าที่ได้ผล ควรนึกถึงอัตราส่วน การซื้อของลูกค้าด้วยนะ
เช่น 100 คนส่งไปหา จะมีเปิดอ่าน คลิกอ่าน แล้วซื้อ กี่ %
อาจจะ 5-10 % ที่ซื้อ ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว
เพราะว่าเราไม่ต้องเสียเงินค่าแอด
แล้วถ้ารายชื่อมี 1,000 คน 10,000 คนล่ะ
จะมีคนซื้อเท่าไร?
แน่นอนครับว่า ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยาก
และก็ไม่ได้บอกว่า การจะสะสมข้อมูลลูกค้าเป็นจำนวนมากๆ ไม่ใช้เงิน
ทุกอย่างใช้เงินครับ
แต่การที่เราเปลี่ยนมุมคิด การยิงแอดให้เป็นแบบนี้
จะทำให้ระยะยาว เรามียอดขายด้วยการไม่ยิงแอดได้
อย่างแน่นอน
ใครอยากฟังแบบคลิป ก็จัดเลยจ้า ณ จุดนี้!!
กดติดตาม เพื่อเอาสาระไปทำจริงกันได้ในช่องทางนี้จ้า
Facebook
facebookcom/digitalnook
line @digitalnook
inbox
https://mme/digitalnook
youtube
https://wwwyoutubecom/channel/UCyQ_MC0JA3CYoA1bgkDpFow?sub_confirmation=1
สัญลักษณ์ ลูกโลก เห็นฟันเฟือง ในโพสต์ของเฟสบุ๊ค มีความหมายแบบนี้นี่เอง!!
สัญลักษณ์ ลูกโลก เห็นฟันเฟือง ในโพสต์ของเฟสบุ๊ค มีความหมายแบบนี้นี่เอง!!
วันนี้ครับ มีนักเรียนในกลุ่มปิดคอร์ส Digital Nook ของผม ได้มาปรึกษาว่า
“ตอนนี้ ผมมีปัญหาอยากปรึกษาครับ”
“อะไรครับผม”
“ตอนนี้ ผมโพสต์เข้าไปในหน้าเพจ แล้วปรากฏว่า มันขึ้นสัญลักษณ์ รูปฟันเฟือง ไม่เป็นรูปลูกโลกเหมือนคนอื่นๆ แล้วแบบนี้ คนอื่นๆ เค้าจะเห็นผมมั้ยครับ”
“….”
หรือว่าเพจ visibility เป็น unpublish หว่า
ไปตรวจดู ก็เป็น publish นี่นา..
ผมก็นิ่งไปนิดๆ แล้วคิดว่า เออ หรือว่า แอดมินเพจ ที่ทำการโพสต์ ไปทำอะไรมาแปลกๆ จน facebook บล็อคการโพสต์หรือเปล่า
ผมเลยขอเข้าไปเป็น admin ในเพจนั้น แล้วลองโพสต์ทดสอบดูว่า
“ถ้าใครเห็น ให้พิมพ์ 1 เข้ามา”
สักพัก มีคนพิมพ์เข้ามา 10 คน
เห็น Reach เกิดขึ้นประมาณ 20% ของเพจ
แสดงว่ามันทำงานปกติ ทั้งๆ ที่เป็นรูปฟันเฟือง
ลองไปค้นหาคำตอบจากใน Google ใน Pantip ในเว็บฝรั่ง ก็ไม่เจอวุ้ย!!
ก็เลยกลับไปรื้อหลังบ้านของ facebook ตัวเอง กับ facebook ของนักเรียน แล้วเทียบความแตกต่าง
ก็พบว่า…
เป็นเรื่องของการเปิดสิทธิ์การมองเห็นครับ
ของผมเป็นการเปิดให้พลเมือง facebook เห็นหมดเลย
แต่ว่าของนักเรียน เป็นการเปิดเฉพาะในเมืองไทยเท่านั้น!!
ผมก็เลยปรับใหม่ ให้เป็นการเปิดสิทธิ์ให้คนทั้งโลกดู ซึ่งอยู่ในเมนู
settings > General > Country Restrictions
เราแค่ปรับให้เป็น ปกติ ไม่ต้องเลือกประเทศ..
แล้วทำไม Facebook ถึงทำสิ่งนีขึ้นมาล่ะ!!!
ก็เพราะว่า บางคนไม่ต้องการให้ข้อมูลในเพจตัวเอง ไปให้ในประเทศที่เราไม่ต้องการนั่นเอง ซึ่งเหตุผลที่ไม่ต้องการให้เห็น จะด้วยเหตุใด อันนั้นก็แล้วแต่วัตถุประสงค์ ของเจ้าของเพจ
แต่สำหรับใครที่ไม่อยากให้เป็นฟันเฟืองนะ..
set ให้เป็นแบบทุกๆคน เห็น ดีที่สุด
จบครับ
ใครที่ search google มาแล้วเจอ ก็ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ ที่คุณได้แนวทางแก้ไข โดยไม่ต้องไปหา google หรือ youtube ดูเองจ้า
ติดตามเรื่องราวเทคนิค ออนไลน์ Marketing ดีๆ ได้ทาง
facebook : https://www.facebook.com/digitalnook/
Line : @digitalnook
webiste : https://www.digitalnook.co